กรุงเทพฯ--29 ต.ค.--สปส.
สำนักงานประกันสังคม เขตพื้นที่ 1 ดำเนินการเร่งรัดติดตามเรียกเงินคืนกรณีสงเคราะห์บุตร ที่จ่ายเกินสิทธิของผู้ประกันตนพร้อมคาดโทษนายจ้างที่ไม่แจ้งข้อมูลการเข้า-ออกจากงานของลูกจ้าง
นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า เงินสงเคราะห์บุตรเป็นเงินซึ่งรัฐจ่ายเพิ่มให้แก่ผู้ประกันตนที่มีบุตรอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์ คราวละไม่เกิน 2 คน เป็นจำนวนเงิน 350 บาทต่อเดือนต่อบุตร 1 คน โดยไม่มีการเก็บเงินสมทบเพื่อกรณีนี้เป็นการเฉพาะ ซึ่งการจ่ายเงินสงเคราะห์บุตรที่ผ่านมาสปส.ต้องประสบปัญหาการจ่ายเงินเกินสิทธิให้แก่ ผู้ประกันตนจำนวนมาก และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่นายจ้างแจ้งข้อมูลการออกจากงานของผู้ประกันตนล่าช้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสถานะความมั่นคงของกองทุนในอนาคต ดังนั้นสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 1 ซึ่งดูแลสถานประกอบการและผู้ประกันตนใน เขตดุสิต เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตพระนคร เขตสัมพันธวงศ์ จึงได้จัดนำร่อง “เร่งรัดติดตามเรียกเงินคืนกรณีสงเคราะห์บุตร” ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 50 เป็นต้นมาเพื่อติดตามเงินสงเคราะห์บุตรที่สปส.จ่ายเกินสิทธิของผู้ประกันตน กลับคืนสู่กองทุนฯ
นายสุรินทร์กล่าวต่อไปว่า อยากขอความร่วมมือไปยังนายจ้างทุกท่านแจ้งข้อมูลการเข้า — ออกจากงานของผู้ประกันตนให้สปส.เขตพื้นที่/จังหวัดทราบตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด(ภายในวันที่15 ของเดือนถัดไป นับจากวันที่ลูกจ้างออกจากงาน) เพื่อให้สปส.จ่ายสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกันตนได้อย่างถูกต้องครบถ้วนตามสิทธิ หากนายจ้างฝ่าฝืน สปส. ก็จำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายบังคับต่อไป กล่าวคือ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท
หากผู้ประกันตนต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วน กระทรวงแรงงาน 1506 สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด ทุกแห่งทั่วประเทศ และดูรายละเอียดได้ที่ www.sso.go.th
ศูนย์สารนิเทศ สายด่วน 1506 / www.sso.go.th