เคพีเอ็มจี เผยสิงคโปร์และเกาหลีใต้ติด 10 อันดับประเทศที่มีความพร้อมใช้รถยนต์ไร้คนขับมากที่สุด

ข่าวยานยนต์ Thursday January 25, 2018 15:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ม.ค.--เคพีเอ็มจี รถยนต์ไร้คนขับ (Autonomous vehicles – AV) ไม่เพียงแต่จะเข้ามาปฏิวัติระบบการขนส่ง แต่ยังจะเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำงานและการใช้ชีวิตของประชากรทั่วโลก แต่คำถามที่ตามมาคือ ประเทศต่าง ๆ มีความพร้อมต่ออนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยรถยนต์ไร้คนขับหรือไม่? ดัชนีบ่งชี้ระดับความพร้อมของการใช้รถยนต์ไร้คนขับของเคพีเอ็มจี ประจำปี 2018 หรือ KPMG Autonomous Vehicles Readiness Index 2018 (AVRI) ประเมินการเตรียมความพร้อมของ 20 ประเทศทั่วโลก พร้อมเผยแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดเพื่อผลักดันการใช้รถยนต์ไร้คนขับในประเทศต่าง ๆ "อิสระในการสัญจรด้วยรถยนต์ไร้คนขับจะส่งผลกระทบต่อสังคมในด้านการขนส่ง" ริชาร์ด เธรลฟอลล์ ประธาน ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐาน เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว "แต่ในขณะเดียวกัน โอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้ก็มาพร้อมความท้าทายต่าง ๆ ที่แต่ละประเทศจำเป็นต้องคำนึงถึงและจัดการเพื่อเตรียมพร้อมรองรับการใช้รถยนต์ไร้คนขับ" ดัชนี AVRI นับเป็นการสำรวจศักยภาพและความก้าวหน้าของการใช้เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับในประเทศต่าง ๆ ที่จัดทำขึ้นเป็นครั้งแรก ดัชนีดังกล่าวประเมินความสามารถของแต่ละประเทศทั้งหมด 4 ด้าน ได้แก่ ด้านนโยบายและกฎหมาย ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านการยอมรับของผู้บริโภค ซึ่งในแต่ละด้านมีความเชื่อมโยงกับขีดความสารมารถของแต่ละประเทศในการนำรถยนต์ไร้คนขับมาใช้ ทั้งนี้ ในแต่ละด้านจะประกอบด้วยตัวแปรที่หลากหลาย ที่สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความพร้อมในการรองรับรถยนต์ไร้คนขับ ตั้งแต่ ความพร้อมในการให้บริการของสถานีชาร์จรถไฟฟ้า การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ ความสนใจในการใช้เทคโนโลยีของประชากร ไปถึงสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ ประเทศที่มีความพร้อมรองรับการใช้รถยนต์ไร้คนขับมากที่สุด จากการประเมินดัชนีบ่งชี้ระดับความพร้อมของการใช้รถยนต์ไร้คนขับของเคพีเอ็มจี ประจำปี 2018 พบว่า 10 ประเทศที่มีความพร้อมรองรับอนาคตของการขนส่งแบบอิสระมากที่สุด ได้แก่ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศสิงคโปร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศสวีเดน สหราชอาณาจักร ประเทศเยอรมนี ประเทศแคนนาดา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศเกาหลีใต้ ประเทศเนเธอร์แลนด์ติด 1 ใน 4 ประเทศที่ได้รับการจัดอันดับสูงในการประเมินทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การยอมรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในวงกว้าง จำนวนสถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่มีอยู่มาก เครือข่ายโทรคมนาคมที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีความสำคัญต่อการจัดการการสัญจรของรถยนต์ไร้คนขับ และการวางแผนขนาดใหญ่เพื่อทดสอบเทคโนโลยีดังกล่าว ขณะที่ ประเทศอื่น ๆ ใน 5 อันดับแรก มีความแข็งแกร่งที่หลากหลาย โดยประเทศสิงคโปร์มีความพร้อมสูงสุดในด้านนโยบายและกฎหมาย รวมทั้งการยอมรับของผู้บริโภค ประเทศสหรัฐอเมริกาและสวีเดนมีความพร้อมในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ และสหราชอาณาจักรติด 1 ใน 5 อันดับแรก จาการประเมินใน 3 ด้านด้วยกัน ความก้าวหน้าของรถยนต์ไร้คนขับ ในภาพรวม การพัฒนาด้านเศรษฐกิจของประเทศจะมีความสัมพันธ์กับการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการใช้รถยนต์ไร้คนขับ แต่ในขณะเดียวกัน ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่มักพบเห็นได้ในประเทศที่มีความพร้อมสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ ได้แก่ การมีส่วนร่วมและสนับสนุนของหน่วยงานภาครัฐในการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว ถนนที่ยอดเยี่ยม โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายแบบเคลื่อนที่ รวมถึงการลงทุนและการสร้างสรรค์นวัตกรรมของภาคเอกชน "การวางแผนในวันนี้เพื่ออนาคตของเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะไม่ใช่คำถามที่ว่า รถยนต์ไร้คนขับจะสามารถเป็นรูปแบบการสัญจรที่เป็นที่นิยมมากที่สุดหรือไม่ แต่กลับเป็นคำถามที่ว่า จะเป็น 'เมื่อไหร่'" เธรลฟอลล์ กล่าว การร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนจะช่วยให้การพัฒนาเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันยังช่วยให้การใช้เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับสอดคล้องกับนโยบายรัฐอีกด้วย และสิ่งสำคัญคือ การนำผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่ ภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน มาร่วมมือกันเพื่อวางแผนสำหรับรองรับเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ ซึ่งไม่ใช่แค่ในเรื่องการขนส่ง แต่เราต้องเตรียมความพร้อมสำหรับผลกระทบของรถยนต์ไร้คนขับต่อชีวิตของเราในทุกมิติเช่นกัน พบกับดัชนีบ่งชี้ระดับความพร้อมของการใช้รถยนต์ไร้คนขับของเคพีเอ็มจี (AVRI) ประจำปี 2018 ฉบับเต็มได้ที่ kpmg.com/AVRI เกี่ยวกับดัชนี AVRI ดัชนีบ่งชี้ระดับความพร้อมของการใช้รถยนต์ไร้คนขับของเคพีเอ็มจี (AVRI) มีจุดประสงค์ที่จะสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมและการเปิดรับเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับใน 20 ประเทศ โดยวัดผลจากขนาดเศรษฐกิจและความก้าวหน้าในการใช้รถยนต์ไร้คนขับเป็นเกณฑ์ในการคัดเลือก แต่ละประเทศได้รับการประเมินจาก 26 มาตรวัด ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ด้าน ได้แก่ ด้านนโยบายและกฎหมาย ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งด้านการยอมรับของผู้บริโภค โดยในแต่ละด้านมีความสำคัญเท่าเทียมกันและประกอบด้วยข้อมูลปฐมภูมิและข้อมูลทุติยภูมิ เกี่ยวกับเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล เคพีเอ็มจี เป็นเครือข่ายระดับโลกของบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการสอบบัญชี ภาษี และการให้คำปรึกษา เราดำเนินงานใน 154 ประเทศ และมีพนักงานมากกว่า 197,263 คนที่ทำงานร่วมกันในบริษัทสมาชิกทั่วโลก บริษัทที่เป็นสมาชิกเครือข่ายเคพีเอ็มจีจะถือเป็นสมาชิกของเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล โคออเปอเรทีฟ (KPMG International) เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นบริษัทสัญชาติสวิส ทั้งนี้ แต่ละบริษัทที่เป็นสมาชิกเคพีเอ็มจีเป็นนิติบุคคลที่แยกต่างหากจากกัน และมีอิสระตามกฎหมาย เกี่ยวกับ เคพีเอ็มจี ประเทศไทย เคพีเอ็มจี ประเทศไทย เป็นสมาชิกของ เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล ที่มีเครือข่ายทั่วโลก ซึ่งให้บริการด้านตรวจสอบบัญชี ภาษีและกฎหมาย และให้คำปรึกษาทางธุรกิจ ปัจจุบันมีพนักงานมากกว่า 1,500 คน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ