กรุงเทพฯ--25 ม.ค.--แสนสิริ
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีหลักประกัน ด้วยมูลค่าการเสนอขาย 4,000 ล้านบาท ซึ่งมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้แต่เพียงผู้เดียว สำหรับหุ้นกู้ของบมจ.แสนสิริที่เสนอขายในครั้งนี้ ได้แก่ หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.35% มูลค่าการเสนอขาย 4,000 ล้านบาท โดย ทริส เรทติ้ง ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ในระดับ "BBB+" แนวโน้มเครดิต "Stable" เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา
"วัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อนำไปชำระคืนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนด และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทตามแผนการดำเนินธุรกิจปี 2561 การระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นกู้นี้จะช่วยให้บริษัทมีความแข็งแกร่งทางด้านของเงินทุน และมีความพร้อมในการขยายการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ ต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ โดยในปีนี้จะมีการเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวระดับบนที่มีราคาสูงที่สุดของแสนสิริ ได้แก่ บ้านแสนสิริ โครงการที่ 2 หลังจากประสบความสำเร็จจากโครงการบ้านแสนสิริ สุขุมวิท 67 นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนพัฒนาโครงการในตลาดต่างจังหวัดต่อเนื่อง โดยเฉพาะหัวเมืองหลัก อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ หัวหินและพัทยาอีกด้วย " นายวันจักร์ กล่าว
สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ยังนับเป็นการเสนอขายหุ้นกู้มูลค่าสูงที่สุดที่แสนสิริเคยเปิดการจำหน่าย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งผู้ถือหุ้นกู้ของบมจ.แสนสิริเดิม ผู้ลงทุนทั่วไป รวมถึงนักลงทุนสถาบัน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัท และเชื่อมั่นในบริษัท ในฐานะผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับชั้นนำของประเทศ ที่ได้รับการยอมรับในด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ โฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียมคุณภาพทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑลครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศกว่า 17 จังหวัด ด้วยจำนวนกว่า 318 โครงการ จำนวนที่อยู่อาศัยกว่า 86,070 ยูนิต รวมทั้งการก้าวล้ำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยการจัดตั้ง Corporate Venture Capital เพื่อมองหาโอกาสในการลงทุนธุรกิจประเภท Property Technology ทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อโอกาสการเติบโตควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และแผนการลงทุนมูลค่า 80 ล้านดอลล่าร์ หรือ 2,800 ล้านบาทใน 6 ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของโลก ซึ่งเป็นการขยายฐานการลงทุนในธุรกิจอื่นครั้งสำคัญเพื่อสร้างพันธมิตรในประเภทธุรกิจอันหลากหลาย สะท้อนวิสัยทัศน์ระดับโลก