BWG สุดฮอตยอดจองซื้อท่วมท้น ชี้นักลงทุนมั่นใจพื้นฐานแข็งแกร่ง

ข่าวทั่วไป Monday November 5, 2007 09:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
กระแสตอบรับหุ้น BWG สุดฮอต นักลงทุนแห่งจองซื้อล้นหลาม สะท้อนปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง ทั้งราคาไอพีโอให้ส่วนลดกว่า 60% โบรกเกอร์ให้ราคาเหมาะสมในช่วง 3.50-4.06 บาท/หุ้น พร้อมประเมินผลการดำเนินงานปีนี้ขยายตัวอีก 50% รายได้แตะ 700 ล้านบาท ชี้จุดเด่นคือธุรกิจกำจัดกากขยะด้วยวิธีฝังกลบเป็นอุตสาหกรรมที่ยังมีช่องว่างในการดึงลูกค้าจากนอกระบบเข้าสู่ระบบได้อีกมาก จากปริมาณกากที่เข้าสู่ระบบกำจัดอย่างถูกต้องอยู่ในระดับที่ต่ำมากคิดเป็นไม่ถึง 5% สำหรับ Non-Hz และ ไม่ถึง 10% สำหรับ Hz โดยได้รับแรงหนุนจากกฏระเบียบของภาครัฐที่เข้มงวดมากขึ้น
นายชูพงศ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน (BWG) เปิดเผยว่าหลังจากปิดจองซื้อขายหุ้นไอพีโอ ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม-2 พฤศจิกายน 2550 ปรากฎว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการเติบโต อีกทั้งราคาหุ้นที่กำหนดไอพีโอยังยังมีส่วนลด (Discount) ให้กับนักลงทุนกว่า 60% เมื่อเทียบกับหมวดบริการเฉพาะกิจและมีส่วนลดประมาณ 25% เมื่อเทียบกับพีอีเรโชว์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยราคาขายไอพีโอที่ระดับ 3 บาท/หุ้น มีค่าพีอี เรโชว์ ประมาณ 9 เท่า ในขณะที่ค่าพีอี เรโชว์ ของกลุ่มอยู่ที่ระดับ 23 เท่าและค่าพีอีเรโชว์ของตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 12 เท่า
" สาเหตุสำคัญที่นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้น BWG อย่างล้นหลามในครั้งนี้ น่าจะมาจากผลประกอบการของบริษัทที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตดีต่อเนื่อง ขณะเดียวกันในอนาคตธุรกิจของบริษัทยังคงมีแนวโน้มที่สดใส จึงทำให้เกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนในครั้งนี้"นายชูพงศ์ กล่าว
ในการจำหน่ายหุ้นครั้งนี้ BWG ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BWG โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 5 แห่ง คือ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน),บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด,บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด,บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัดและบริษัทหลักทรัพย์ไอ วี โกล บอล จำกัด (มหาชน)
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด หรือ KTBS ได้ออกบทวิเคราะห์ถึง บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG ว่าปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนกว่า 1 แสนโรงงาน ซึ่งตามข้อกำหนดของทางการมีโรงงานที่จะต้องจัดเก็บขยะอุตสาหกรรมเพื่อเข้าสู่ระบบบำบัดให้ถูกต้องกว่า 6 หมื่นโรงงาน นับเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯทั้งหมด แต่พบว่ามีโรงงานที่จัดเก็บเข้าระบบจริงเพียง 5 พันโรงงานเท่านั้น โดยในส่วนนี้เป็นลูกค้าของบริษัทฯมากกว่า 1,000 ราย จึงมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก นอกจากนั้น ภาครัฐและเอกชนให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นช่วยหนุนการทำตลาดของ BWG เนื่องจากภาวะมลพิษต่างๆ ที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รัฐบาลมีนโยบายควบคุมการกำจัดกากอุตสาหกรรมที่เข้มงวด และกระจายทั่วถึงไปสู่กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น โดยมีการจัดตั้งหน่วยงานร่วมกับเอกชนเพื่อสอดส่องดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจการบริการจัดเก็บปฏิกูลสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น
ด้านการขยายตัวของ BWG มาจากกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการซึ่งเพิ่มขึ้นและการขยายตัวของฐานลูกค้าเดิม โดยรายได้ของบริษัทฯเพิ่มขึ้นจาก 142 ล้านบาท ในปี 2547 เป็น 467 ล้านบาท ในปี 2549 ขยายตัวมากกว่า 3 เท่าภายในเวลาเพียง 2 ปี ขณะที่มี Net Margin อยู่ระหว่าง15 -19%.ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยมี D/E ในระดับต่ำเพียง 0.6 เท่า ฝ่ายวิจัยฯมองราคาที่เหมาะสมปี 51 ของ BWG ไว้ที่ 4.00 บาท โดยมองเห็นศักยภาพในการเติบโตของกำไรในอนาคตที่มีการขยายตัวอย่างสม่ำเสมอในอีก 5 ปีข้างหน้าไม่ต่ำกว่า 7%ต่อปี (Conservative) มี ROE เฉลี่ยที่ 16% โดยคาดบริษัทฯจะให้ผลตอบแทนปันผลในระดับ 5 -6%ต่อปี
ทางด้านบริษัทหลักทรัพย์ ไอ วี โกลบอล จำกัด (มหาชน) ระบุว่าจุดเด่นของ BWG ซึ่งดำเนินธุรกิจกำจัดกากขยะด้วยวิธีฝังกลบคือ อยู่ในอุตสาหกรรมที่มี Barrier of entry สูง และเป็นอุตสาหกรรมที่ยังมีช่องว่างในการดึงลูกค้าจากนอกระบบเข้าสู่ระบบได้อีกมาก จากปริมาณกากที่เข้าสู่ระบบกำจัดอย่างถูกต้องอยู่ในระดับที่ต่ำมากคิดเป็นไม่ถึง 5% สำหรับ Non-Hazardous Waste และ ไม่ถึง 10% สำหรับ Hazardous Wasteโดยมีปัจจัยสนับสนุนคือกฏระเบียบของภาครัฐที่เข้มงวดมากขึ้นเติบโตสูงจนครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ทั้ง Non-Hz และ Hz
ทั้งนี้ ประเมินกำไรสุทธิปี 2550 ของบริษัทไว้ที่ 94 ลบ. เติบโต 31.8% และ 113 ลบ.เติบโต 22.3% สำหรับปี 2551 โดยแนวโน้มการเติบโตในปี 2550-2551 นี้จะมาจากการขยายฐานลูกค้าประเภท Hz และ โครงการ Blending ซึ่งเริ่มในเดือน ก.ย.2550 สำหรับ Liquid blending และ ต้นปี 2551 สำหรับ Solid project ความเสี่ยงหลักสำหรับประมาณการณ์คืออัตรากำไรขั้นต้นFair Value 3.5 บาท (10x 2551 PER) Upside คือโครงการเตาเผาฯ Downside คือคดีฟ้องร้องฯ และฝ่ายวิจัยฯ ประเมินมูลค่าของ BWG ได้ที่ 3.5 บาท (อ้างอิง 10 เท่า PER ปี2551)
บทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด คาดว่า กำไรปกติของ BWG จะเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจและการเติบโตของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ ทำให้แนวโน้มสิ่งปฏิกูลจากอุตสาหกรรมในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และความเข้มงวดของภาครัฐ ในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ธุรกิจการให้บริการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุไม่ใช้แล้ว ยังคงมีโอกาสในการขยายตัวต่อไปในอนาคตประเมินมูลค่าของ BWG โดยใช้วิธี P/E Ratio ที่ 10 เท่า และใช้ EPS จากกำไรปกติปี 51 ที่ 0.38 บาทต่อหุ้นจะได้ราคาเป้าหมายที่ 3.78 บาทต่อหุ้น
ส่วนบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด คาดว่าผลการดำเนินงานของ BWGปี 2550 จะเติบโตถึง 50% อยู่ที่ 700 ล้านบาท หลังจากบริษัทหันมาเน้นให้บริการสิ่งปฏิกูลที่เป็นอันตรายที่มีอัตราการให้บริการสูงกว่า ทำให้กำไรสุทธิ 123 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.38 บาท ขณะที่ปี 2551 รายได้ของบริษัทยังคงเติบโต 19% อยู่ที่ 831 ล้านบาท จากการขยายธุรกิจปรับปรุงคุณภาพสิ่งปฏิกูลที่เป็นของเหลวและของแข็ง ทำให้กำไรสุทธิในปี 2551 อยู่ที่ 144 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.45 บาท และคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2550 และปี 2551 ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท และ 0.21 บาทตามลำดับ Fair Price ปี 50 และ 51 เท่ากับ 3.46 บาทและ 4.06 บาทตามลำดับ โดยใช้วิธี DCF ที่ WACC เท่ากับ 12.5% เทียบเท่ากับ P/E Ratio ที่ระดับ 9 เท่าหรือ PBV ที่ 1.7 เท่า และให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผล(Dividend yield) เท่ากับ 5.2%
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : จุฬารัตน์ เจริญภักดี 089-4888337 , 02-5549395

แท็ก ไอพีโอ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ