กรุงเทพฯ--4 ต.ค.--กทม.
น้ำทะเลหนุนปีนี้ไม่น่าห่วง ช่วง 25-28 ต.ค. ประมาณ 1.28-1.30 เมตร รวมน้ำท้ายเขื่อนไม่เกิน 1.80 เมตร คาดไม่กระทบประชาชนริมฝั่งเจ้าพระยา คลองมหาสวัสดิ์และบางกอกน้อย แต่กทม. จะเฝ้าระวังเพื่อแจ้งเตือนประชาชนในทันทีที่เกิดวิกฤต ตลอด 24 ชั่วโมง
รศ.ดร.บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 50 ว่า กรุงเทพมหานครได้เตรียมการเฝ้าระวังผลกระทบที่จะมีต่อประชาชนริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อน้ำทะเลหนุนระหว่างวันที่ 25-28 ต.ค. 50 ซึ่งระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1.28-1.30 เมตร นอกจากนั้นแล้วยังขึ้นสูงอีกในช่วงปลายเดือน พ.ย. และเดือน ธ.ค. 50 ซึ่งลำพังระดับน้ำทะเลหนุนสูงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่กรุงเทพมหานครยังต้องประสานกับกรมชลประทานในการปล่อยน้ำลงท้ายเขื่อนไม่ให้เกินปริมาณที่รับได้ ซึ่งจะเฝ้าระวังระดับน้ำตลอด 24 ชั่วโมง และจะแจ้งเตือนประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงกระทบจากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประชาชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ รวมถึงได้เตรียมกระสอบทรายเพื่อวางเป็นแนวป้องกันไว้แล้วอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ หากปริมาณน้ำท้ายเขื่อนที่ปล่อยออกมารวมกับระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นแล้วไม่เกิน 1.70-1.80 เมตร ก็สามารถรับได้
รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันการระบายน้ำทางเหนือและมาทางแม่น้ำเจ้าพระยามีจำนวน 1,424 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่ระดับน้ำบริเวณปากคลองตลาดอยู่ในระดับ 1.57 เมตร ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ริมตลิ่ง และน้ำในเขื่อนเหนือกรุงเทพมหานครก็มั่นใจว่าสามารถรองรับน้ำได้อีก โดยเขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำ 59.03% เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำ 60.97% เขื่อน ป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำ 83.23%