บลจ.ทิสโก้เคาะจ่ายปันผล 4 กองรวด ชี้หุ้นไทยทำนิวไฮ แต่อนาคตยังสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 30, 2018 11:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป บลจ.ทิสโก้ประกาศจ่ายปันผล 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ ดิวิเดนด์ ซีเล็ค อิควิตี้ กองทุนเปิด ทิสโก้ ดิวิเดนด์ ซีเล็ค หุ้นระยะยาว กองทุนเปิด ทิสโก้หุ้นทุนปันผล และกองทุนเปิด ทิสโก้หุ้นระยะยาวปันผล จ่ายพร้อมกันในวันที่ 29 ม.ค.นี้ คาดหุ้นไทยปี 61 ยังมีโอกาสไปต่อ อานิสงส์เศรษฐกิจฟื้นตัวมีแรงกระตุ้นจากภาครัฐ ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเติบโตกว่า 10% แถมมีปัจจัยบวกเลือกตั้งหนุน นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) กล่าวว่า บลจ.ทิสโก้ประกาศจ่ายเงินปันผลกองทุน 4 กองทุนสำหรับรอบผลการดำเนินงานในรอบบัญชี กันยายน - ธันวาคม 2560 ประกอบด้วย 1.กองทุนเปิด ทิสโก้ ดิวิเดนด์ ซีเล็ค อิควิตี้ (TISCODS) ในอัตรา 1.80 บาทต่อหน่วย 2. กองทุนเปิด ทิสโก้ ดิวิเดนด์ ซีเล็คหุ้นระยะยาว (TDSLTF) ในอัตรา 0.22 บาทต่อหน่วย 3. กองทุนเปิด ทิสโก้หุ้นทุนปันผล (TISCOEDF) ในอัตรา 0.23 บาทต่อหน่วย และ 4. กองทุนเปิด ทิสโก้หุ้นระยะยาวปันผล(TDLTF) ในอัตรา 1.23 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดจ่ายปันผลให้กับผู้ลงทุนพร้อมกันในวันที่ 29 มกราคม 2561 "ในปีที่ผ่านมาถือว่าหุ้นไทยยังคงให้ผลตอบแทนที่โดดเด่น เพราะได้ผลบวกจากการที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว โดยได้รับแรงส่งจากแผนการลงทุนในโครงการต่างๆ ของภาครัฐ รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีส่งผลให้ภาคส่งออกของไทยกลับมาเติบโตอีกครั้ง ประกอบกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเติบโตดีต่อเนื่อง ขณะที่การเมืองมีความชัดเจนมากขึ้นทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยสามารถปรับตัวขึ้นมายืนเหนือ 1,750 จุดได้เมื่อตอนสิ้นปี 2560 และล่าสุดในปีนี้ ดัชนีหุ้นไทยสามารถทำสถิติใหม่ในประวัติศาสตร์ตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ระดับสูงสุด 1,828 จุด"นายสาห์รัชกล่าว อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวหลังจากนี้ทิสโก้เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะยังคงอยู่ในขาขึ้น โดยได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 4% รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10% ขณะที่ดอกเบี้ยไทยยังคงอยู่ในระดับต่ำจากสภาพคล่องในระบบที่ยังคงมีอยู่สูง ซึ่งเอื้อต่อการลงทุนในหุ้น อีกทั้งแนวโน้มการเลือกตั้งจะเป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญสำหรับตลาดหุ้นไทยในปีนี้ แต่ด้วยระดับ P/E ของตลาดหุ้นไทยที่อยู่ในระดับสูงส่งผลให้จะมีความผันผวนตามมา ดังนั้น การเลือกจังหวะในการลงทุนและการคัดเลือกบริษัทที่จะเข้าลงทุนจึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากในปีนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ