กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--วิธิตา แอนิเมชั่น
บริษัท บันลือ พับลิเคชั่นส์ จำกัด บริษัทในเครือบันลือกรุ๊ป ร่วมแสดงความจงรักภักดีเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้วยการจัดทำหนังสือ “๓๖๕ วัน ใต้ร่มพระบารมี” หนังสือที่บันทึกความผูกพันระหว่างพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรีกับประชาชน ชาวไทย ประกอบด้วยภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ในราชจักรีวงศ์และพระบรมวงศานุวงศ์ในบรรยากาศที่หาชมได้ยากยิ่ง เพื่อให้ปวงชนชาวไทยได้รับรู้ว่า พระมหากษัตริย์ของไทยไม่เคยห่างไกลจากประชาชน ทรงมีพระราชกรณียกิจให้ทรงปฏิบัติได้ไม่เว้นวัน เพียงเพื่อให้เราชาวไทยทุกคนมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยรายได้จากการจำหน่ายหนังสือนี้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย
นางโชติกา อุตสาหจิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บันลือ พับลิเคชั่นส์ จำกัด เปิดเผยว่า “บริษัท บันลือ พับลิเคชั่นส์ จำกัด เป็นบริษัทในเครือบันลือกรุ๊ป ได้ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์มากว่า ๕๐ ปี และเนื่องจากในปีนี้เป็นปีมหามงคลของพสกนิกรชาวไทย ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ บริษัทฯ จึงได้ถือโอกาสนี้ร่วมแสดงความจงรักภักดี โดยได้จัดทำหนังสือฉบับพิเศษ “๓๖๕ วัน ใต้ร่มพระบารมี” ความผูกพันระหว่างพระมหากษัตริย์ในราชจักรีวงศ์และ ปวงชนชาวไทย โดยหนังสือเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมบันทึกเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกรัชกาลที่ ๑ จนถึงรัชกาลปัจจุบัน เรื่องราวที่อยู่ในความทรงจำของประชาชนชาวไทยมารวบรวมเรียงร้อยตามลำดับวันในแต่ละปีตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม จึงถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม เพื่อให้ปวงชนชาวไทยได้รับรู้ว่า พระมหากษัตริย์ของไทยไม่เคยห่างไกลจากประชาชน ทรงมีพระราชกรณียกิจให้ทรงปฏิบัติได้ไม่เว้นวันเพียงเพื่อให้เราชาวไทยทุกคนมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หนังสือเล่มนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของหนังสือที่มีเนื้อหาและภาพประกอบที่เป็นภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ หรือภาพวาดขึ้นมาใหม่ทั้งสิ้น โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย”
นายคริสโตเฟอร์ เบญจกุล ดารานักแสดง กล่าวถึงหนังสือเล่มนี้ว่า “๓๖๕ วัน ใต้ร่มพระบารมี” ถือว่าเป็นหนังสือที่มีคุณค่ายิ่ง เนื่องจากว่าเราคนไทยทุกคนจะได้มีโอกาสได้เห็นถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่ผ่านมาว่าท่านทรงงานหนักเพื่อประชาชนของพระองค์ จากในหนังสือเล่มนี้ส่วนหนึ่งที่ประทับใจมากเมื่อได้อ่านก็คือ ในทุก ๆ วันที่ ๑ มกราคม ของทุกปีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน ส.ค.ส. ปีใหม่อวยพรให้พสกนิกรชาวไทยถือเป็นพรแรกในการเริ่มต้นปีของเราทุกคน แต่ในปี พ.ศ.๒๕๔๘ เราทุกคนไม่ได้รับ ส.ค.ส. พระราชทาน เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงงานหนักเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจำนวนมากจากเหตุการณ์สึนามิ ทำให้ผมระลึกถึงในวันที่ผมประสบอุบัติเหตุ และมีโอกาสได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถที่ทรงพระราชทานความช่วยเหลือในการรับผมเป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่ได้รับจากพระองค์ฯ ทำให้เห็นได้ว่าในขณะที่เราได้รับความเดือดร้อนพระองค์ฯ ทรงทอดพระเนตรเห็นและพระราชทานความช่วยเหลือมาให้ ในหนังสือเล่มนี้ยังได้มีบันทึกไว้อีกว่าในวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๒๒ องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญซีเรส แด่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อเทิดพระเกียรติในฐานะที่ทรงยกฐานะของสตรีให้มีระดับสูงขึ้น และทรงเป็นผู้ให้โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ทำให้เห็นว่าพระองค์ฯ ทรงไม่เคยอยู่ห่างไกลจากพวกเราทำให้ผมภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยได้มีโอกาสร่วมอยู่ใต้ร่มพระบารมีของพระองค์”
นางสาวเยาวภา บุรพลชัย หรือน้องวิว นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย กล่าวว่า “รู้สึกมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้มีโอกาสได้เห็นหนังสือ “๓๖๕ วัน ใต้ร่มพระบารมี” ที่บริษัท บันลือ พับลิเคชั่นส์ ได้จัดทำขึ้น เนื่องจากเป็นหนังสือที่มีคุณค่าและถือว่าเป็นบันทึกเล่มสำคัญของพสกนิกรชาวไทย เพราะจะทำให้เราทุกคนได้ทราบว่าตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ ได้ทรงงานหนักในทุก ๆ วัน เพื่อที่จะให้คนไทยทุกคนมีความสุขและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพในหนังสือเป็นภาพพระบรมสาทิสลักษณ์หรือภาพที่วาดขึ้นมาใหม่ทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังทำให้เราเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระปรีชาสามารถด้านกีฬา ทรงส่งเสริมให้ประชาชนเห็นคุณค่าของกีฬาดังพระบรมราโชวาทที่พระราชทานให้ในวันเปิดการแข่งขันกรีฑานักเรียนประจำปี วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๔ สำหรับตัวเองยังจำได้เป็นอย่างดีและรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นล้นพ้น ในวันที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ ร่วมกับคณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ชุดเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ ๒๘ พร้อมครอบครัว เมื่อวันที่ ๙ กันยายน เพื่อถวายเหรียญทองแดงที่ได้รับจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสแสดงความยินดีกับนักกีฬาทรงเล่าว่า ทรงทอดพระเนตรการแข่งขัน และทุกครั้งที่นักกีฬาไทยได้แต้ม คุณทองแดงสุนัขทรงเลี้ยงจะได้ทานขนม พระองค์พระราชทาน พระบรมราโชวาทให้คณะนักกีฬาเรื่องความเพียรและทรงคล้องเหรียญรางวัลที่นักกีฬาทูลเกล้าฯถวายคืนแก่นักกีฬาทุกคน พร้อมพระราชทานหนังสือพระมหาชนก ท่ามกลางความปลื้มปีติที่สุดในชีวิตของคณะนักกีฬาและ ผู้เข้าเฝ้าในวันนั้น ซึ่งวันดังกล่าวก็ได้ถูกนำมาบันทึกในหนังสือเล่มนี้ด้วย”
สำหรับนายปุระเชษฐ์ มนัสศิริเพ็ญ นิสิตคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ที่สอบได้คะแนนสูงสุดของการสอบเข้าระดับอุดมศึกษาของไทย ในปีนี้ กล่าวว่า “ส่วนตัวผมเมื่อได้อ่านหนังสือ “๓๖๕ วัน ใต้ร่มพระบารมี” ประทับใจในส่วนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์แก่มูลนิธิอานันทมหิดลอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทุนให้นักศึกษาที่มีผลคะแนนดีเด่นด้านวิชาการและมีคุณธรรม รับพระราชทานทุนไปศึกษาวิชาการต่าง ๆ ถึงขั้นสูงสุด ณ ต่างประเทศ โดยไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริว่า ยังมีบุคคลจำนวนมากที่ไม่มีความรู้พื้นฐาน และไม่มีทุนทรัพย์ที่จะศึกษาต่อในสถาบันวิชาชีพต่าง ๆ พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโครงการพระดาบส เพื่อฝึกอบรมวิชาช่างไฟฟ้า ช่างวิทยุ ให้แก่บุคคลทั่วไปไม่จำกัดเพศ อายุ ความรู้ และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ สำหรับครูผู้ฝึกอบรมก็มีคุณลักษณะเป็นอาสาสมัคร ให้ความรู้เป็นวิทยาทานโดยไม่หวังผลตอบแทน ดังเช่น “พระดาบส” ซึ่งเป็นอาจารย์ในโบราณกาลโครงการพระดาบส จึงได้จดทะเบียนเป็นโรงเรียนพระดาบสในวัน ที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๓๒ เพื่อดำเนินการตามพระราชประสงค์ที่ว่า “สร้างชีวิตด้วยการศึกษา” ทำให้เห็นว่าพระองค์ฯ ทรงให้ความสำคัญในเรื่องของการศึกษาเป็นอย่างมาก ตัวผมเองในตอนนี้หน้าที่หลักคือ การเรียน จึงตั้งใจว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เมื่อเรียนจบแล้วก็อยากจะมีโอกาสในการถ่ายทอดวิชาความรู้ที่ได้เรียนมาเพื่อเป็นประโยชน์แก่น้อง ๆ ในรุ่นต่อไป”
“นางโชติกา กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับหนังสือ“๓๖๕ วัน ใต้ร่มพระบารมี” เป็นหนังสือเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจเล่มแรกที่บริษัทฯ ได้จัดทำขึ้น โดยบริษัทฯ ได้จัดทำขึ้นจำนวนจำกัดเพียง ๕,๐๐๐ เล่มเท่านั้นราคาจำหน่ายเล่มละ ๓๙๙ บาท (รายได้จากการจำหน่ายหลังหักค่าใช้จ่าย นำทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย) โดยได้รับความเอื้อเฟื้อจากบริษัท ผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด ในการสนับสนุนกระดาษสำหรับจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ และในเดือนตุลาคมนี้บริษัทฯ จะเข้าร่วมงานแฟรงเฟิร์ตบุ๊คแฟร์ ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศเยอรมันในวันที่ ๑๐-๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๐ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาเสด็จฯไปร่วมในงานแฟรงเฟิร์ตบุ๊คแฟร์ในครั้งนี้ด้วย โดยบริษัทฯ ได้จัดเตรียมหนังสือพิเศษเล่มนี้ไปร่วมจัดแสดงด้วย ในคูหาจัดแสดงของประเทศไทย (Thailand Pavilion) สำหรับในประเทศไทยบริษัทฯ จะทำการจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๐ ที่งานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ ๑๒ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” (บูธของสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น บูธเลขที่ X๐๙ เมนฟอเยร์ ด้านหน้าห้องแพลนนารี่ฮอลล์) หรือสามารถสั่งจองได้ที่บริษัท บันลือ พับเคชั่นส์ จำกัด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่หมายเลขโทรศัพท์ ๐๒-๖๔๑-๙๙๕๕
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ กลุ่มบริษัท บันลือ กรุ๊ป
ศิริพร (น้อง) โทร.๐๘-๖๙๘๐-๔๔๘๒