กรุงเทพฯ--31 ม.ค.--IR network
บมจ.คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น (CSS) ส่งสัญญาณธุรกิจปี'61 ไม่ธรรมดา ระบุงานโทรคมนาคมและเทรดดิ้งยังคงเป็นพระเอก ล่าสุดมือขึ้นคว้าสัญญางานวางเสาโทรคมนาคมจาก DTAC มูลค่า 650 ล้านบาท ส่งซิกลุ้นได้งานยาวถึงปี'63 พร้อมรุกหนักบุกต่างแดนลุยธุรกิจโรงไฟฟ้า "สมพงษ์ กังสวิวัฒน์" ระบุปีนี้ไม่น่าห่วง ภาพรวมธุรกิจสดใส ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและงานที่มีเข้ามาต่อเนื่อง มั่นใจปั๊มรายได้โตไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท หลังจากตุนงานไว้ในมือกว่า 1,800 ล้านบาท
นายสมพงษ์ กังสวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CSS เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจปี 2561 ของบริษัทฯ ว่า มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น โดยมีตัวแปรที่สำคัญจากการลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศให้ฟื้นตัว อันเกี่ยวเนื่องไปถึงภาคเอกชน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อบริษัทฯ ทำให้มีโอกาสได้งานใหม่ๆ ทั้งในส่วนของงานโทรคมนาคมและเทรดดิ้งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ล่าสุดบริษัทฯ ได้เซ็นสัญญารับเหมางานติดตั้งระบบโทรคมนาคมจาก บมจ.โทเทิ่ล แอ็ดเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) มูลค่า 650 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ทันที และจากนโยบายการขยายโครงการอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศของ DTAC ทำให้ภายใน 3 ปีนี้ (2561-2563) บริษัทฯ มีโอกาสได้รับงานติดตั้งระบบโทรคมนาคมจาก DTAC เพิ่มเติม ขณะที่ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ยังคงมีแผนขยายโครงข่ายการให้บริการเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าบริษัทน่าจะมีโอกาสได้รับงานเพิ่มเติมเช่นกัน
ขณะที่ธุรกิจพลังงานทดแทน ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่สปป.ลาว ขนาดกำลังการผลิตประมาณ 50 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุนในเดือนตุลาคมนี้ โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาโรงไฟฟ้าพลังงานขยะเพื่อต่อยอดธุรกิจในอนาคตเพิ่มเติม
"ปีนี้งานโทรคมนาคมของบริษัทฯ ถือว่าคึกคักมาก และยังคงต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มองว่า ธุรกิจด้านโทรคมนาคมจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต เนื่องจาก DTAC มีแผนตั้งสถานีเครือข่ายอีกจำนวนมาก ดังนั้นคาดว่าบริษัทฯ จะมีงานต่อเนื่องในระยะ 3 ปีนี้แน่นอน โดยCSS พร้อมที่จะเข้าประมูลงานทุกงาน และมีโอกาสจะได้รับงานจาก DTAC อย่างต่อเนื่อง ขณะที่งานเทรดดิ้งยังคงมีเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ "นายสมพงษ์กล่าว
เขากล่าวต่อในช่วงท้ายถึงผลการดำเนินงานปีนี้ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากจะทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1,800 ล้านบาท แบ่งเป็นงานที่มาจากธุรกิจโทรคมนาคมประมาณ 800 ล้านบาท และธุรกิจเทรดดิ้งประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยบางส่วนจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ไปถึงปีหน้า และบริษัทยังคงเข้าประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากงานภาคเอกชน 95% ส่วนที่เหลือมาจากงานภาครัฐ ซึ่งบริษัทฯ คาดหวังว่าจากแนวโน้มของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะทำให้สัดส่วนงานภาครัฐเพิ่มมากขึ้น ขณะที่สัดส่วนรายได้ที่มาจากธุรกิจเทรดดิ้งอยู่ที่ 70% และโทรคมนาคม 30%