กรุงเทพฯ--31 ม.ค.--บีโอไอ
บีโอไอ พร้อมรัฐมนตรีฯ "กอบศักดิ์" และหน่วยงานภาครัฐ ร่วมประชุมหารือกับหอการค้าต่างประเทศในไทยรวม 60 ราย จากกว่า 30 ประเทศ เพื่อชี้ให้เห็นถึงโอกาสและความพร้อมรองรับการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ อีอีซี การอำนวยความสะดวกแก่นักธุรกิจต่างชาติ และการให้บริการ"สมาร์ทวีซ่า" เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรทักษะสูง พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะจากหอการค้าต่างประเทศในไทย
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า วันนี้ (31 มกราคม 2561) บีโอไอได้จัดการประชุมหารือกับหอการค้าต่างประเทศในไทย โดยมีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลบีโอไอ เป็นประธานและมีหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย อาทิ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการจัดหางาน และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจแก่นักธุรกิจต่างชาติต่อการส่งเสริมการลงทุนของไทย และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับกิจกรรมทางธุรกิจ
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรมารองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายต่างๆ และ ที่สำคัญ คือ ความพยายามในการปรับปรุงการอำนวยความสะดวกแก่นักธุรกิจในประเทศไทย
"บีโอไอมั่นใจว่า การหารือในวันนี้ จะช่วยให้ผู้แทนหอการค้าต่างประเทศในไทยเกิดความเข้าใจนโยบายและมาตรการส่งเสริมการลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะช่วยให้หอการค้าต่างประเทศมีความมั่นใจนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล และนำไปสู่การขยายธุรกิจและการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การให้บริการสมาร์ทวีซ่า ซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการในวันที่ 1 ก.พ. นี้ จะเป็นการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจในไทย และจะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุนได้เป็นอย่างดี" เลขาธิการ บีโอไอกล่าว
ทั้งนี้ บีโอไอจะใช้โอกาสนี้รับฟังข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้แทนหอการค้าต่างประเทศ เพื่อนำไปพิจารณาและดำเนินการต่อไป รวมทั้งรับฟังแนวทางการลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของนักลงทุนต่างชาติด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาครัฐให้ความสำคัญและดำเนินการมาตลอด จนมีส่วนทำให้วันนี้ ประเทศไทยได้รับการจัดให้อยู่อันดับที่ 26 จากเดิมอันดับที่ 46 จากการจัดอันดับความยากง่ายในการดำเนินธุรกิจโดยธนาคารโลก โดยขยับจากอันดับเดิมถึง 20 อันดับ
ด้านนายสแตนลี่ย์ คัง ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในไทย (Joint Foreign Chambers of Commerce in Thailand: JFCCT) กล่าวว่าหอการค้าร่วมต่างประเทศในไทยมีความชื่นชมต่อการปรับปรุงมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริการสมาร์ทวีซ่า ซึ่งจะช่วยทำให้การนำผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาปฏิบัติงาน ในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น
โดยที่ประชุมมีความเห็นตามข้อเสนอของนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและร่วมกันหาแนวทางที่จะปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆในการทำธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น และให้ไทยเป็นประเทศเป้าหมายของการลงทุน ในภูมิภาค
การประชุมหารือระหว่างบีโอไอและหอการค้าต่างประเทศในไทยอย่างไม่เป็นทางการนี้ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น อันจะนำไปสู่การปรับปรุงกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจให้แก่นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่บีโอไอให้ความสำคัญมาโดยตลอด