กรุงเทพฯ--1 ก.พ.--สำนักงาน กปร.
นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมคณะอนุกรรมการฯ ได้เดินทางไปยังโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อติดตามและตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโครงการในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร พร้อมกับรับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานตลอดจนปัญหาอุปสรรคของการดำเนินงานโครงการฯ โอกาสนี้องคมนตรีได้ให้ข้อเสนอแนะเพื่อให้การดำเนินโครงการสำเร็จลุล่วงสมดังพระราชประสงค์และสนองพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานไว้ให้บังเกิดความต่อเนื่องและเกิดประโยชน์กับราษฎรโดยเร็ว
โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2548 เพื่อจัดหาแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและเพื่อการเกษตรกรรมให้กับราษฎรบ้านห้วยต้า อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2554-2561 เป็นต้นมา และขยายเวลาดำเนินโครงการฯ ไปจนถึงปี 2564 โดยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบนพื้นที่ 2,936 ไร่ ขนาดความจุ 73.70 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถระบายน้ำสูงสุด 616.83 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จสามารถช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์ในช่วงฤดูฝนได้ถึงจำนวน 53,500 ไร่ ช่วงฤดูแล้ง จำนวน 39,920 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 9 ตำบล 2 อำเภอ ได้แก่ ตำบลจริม ตำบลหาดล้า ตำบลท่าปลา ตำบลร่วมจิต และตำบลน้ำหมัน ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอท่าปลา นอกจากนี้ยังมีตำบลวังดิน ตำบลหาดงิ้ว ตำบลบ้านด่าน และตำบลแสนตอ อยู่ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ รวม 60 หมู่บ้าน จำนวน 6,856 ครอบครัว ประชากรได้รับประโยชน์จำนวน 24,501 คน นอกจากประชาชนจะได้รับประโยชน์ทางตรงแล้วยังจะได้รับประโยชน์ทางอ้อมคือ ระดับน้ำใต้ดินสูงขึ้น ส่งผลให้พื้นที่มีความชุ่มชื้นซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของพืชพันธุ์ไม้นานาพรรณ และส่งผลดีต่อการเพาะปลูกพืชประเภทที่มีรากตื้นอีกด้วย
ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างหัวงานและอาคารประกอบ พร้อมอุโมงค์ส่งน้ำไปยังพื้นที่รับประโยชน์ของราษฎร ขณะนี้มีความคืบหน้าคิดเป็นร้อยละ 53.06% นอกจากนี้ยังได้ก่อสร้างท่อส่งน้ำสายหลัก จำนวน 2 สาย ระยะทาง 36 กิโลเมตร มีผลการดำเนินงานคิดเป็นร้อยละ 12.73%
นางอุ่นเรือน ชื่นพิมาย ราษฎรหมู่ที่ 10 บ้านไทรงาม ตำบลน้ำหมัน อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ หนึ่งในผู้ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ เปิดเผยว่า "ราษฎรในพื้นที่ส่วนใหญ่มีอาชีพค่อนข้างหลากหลาย และจะทำกินแบบหมุนเวียนในอาชีพ คือฤดูฝนทำนา เสร็จจากการทำนา ก็มาถักไม้กวาด บางคนทำเกษตรแบบผสมผสาน และปลูกไม้ผล แต่ที่ผ่านมามักไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก เพราะต้องอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก หากปีไหนฝนไม่ตกตามฤดูกาล หรือแล้งยาว ผลผลิตก็จะไม่ได้ผล ทำให้หลายคนหันมาปลูกพืชไร่ เช่นข่า โดยจะปลูกในช่วงเดือนเมษายนไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ปลูก 3 ปี ก็ขุดไปขายได้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะปลูกพันธุ์ข่าตาแดงกัน โดยมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อ เฉลี่ยปีหนึ่งจะขุดขึ้นมาประมาณ 10 ตัน มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 100,000 กว่าบาทต่อปี หากเมื่ออ่างเก็บน้ำสร้างเสร็จก็จะมีน้ำลงไปในพื้นที่เพาะปลูกอย่างต่อเนื่อง การทำการเกษตรก็จะสามารถทำได้มากขึ้น และตลอดทั้งปี ราษฎรในพื้นที่ทุกคนก็จะมีรายได้อย่างต่อเนื่องไม่ต้องดิ้นรน เช่นที่ผ่านมา ซึ่งบางปีแทบจะไม่มีรายได้เลย เพราะน้ำไม่เพียงพอพืชที่ปลูกก็เสียหายหมด รู้สึกปลาบปลื้มปีติยินดีมากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ท่านได้พระราชทานโครงการนี้มาให้ ทุกคนในพื้นที่ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านอย่างหาที่สุดมิได้ ต่อจากนี้จะได้มีกินมีใช้อย่างมั่นคงกันทั่วหน้า" นางอุ่นเรือน ชื่นพิมาย กล่าว