กรุงเทพฯ--2 ก.พ.--ปอร์เช่ ประเทศไทย
รวดเร็ว กร้างแกร่ง เร้าอารมณ์ ตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ผ่านมา ปอร์เช่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ตัวแทนของผู้ผลิตรถสปอร์ตที่ยืนอยู่ในระดัสูงสุดของโลก รถยนต์คันแรกที่ได้รับการสร้างขึ้นภายใต้ชื่อของปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ถูกจดทะเบียนเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 1948 รถคันดังกล่าวคือ 356 โร้ดสเตอร์ (356 Roadster) "หมายเลข 1"และในวันนั้นคือวันที่แบรนด์รยนต์ปอร์เช่ได้ถือกำเนิดขึ้นเช่นเดียวกัน ปอร์เช่ 356 (Porsche 356) คือรถสปอร์ตในฝันของ Ferry Porsche ที่กลายมาเป็นความจริง "วิสัยทัศน์ของเขาในช่วงเวลาขณะนั้น คือ จุดศูนย์รวมของคุณค่านานับประการซึ่งคงยังฝังตรึงอยู่กับปอร์เช่อย่างแนบแน่นตราบจนทุกวันนี้" ข้างต้นคือคำกล่าวของ Oliver Blume ประธานกรรมการบริหาร Porsche AG ระหว่างร่วมงาน New Year Reception ซึ่งจัดขึ้นในพิพิธภัณฑ์ปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี ท่ามกลางบรรดาแขกผู้มีเกียรติจากแคว้น Baden-Wuerttemberg รวมทั้งสตุ๊ทการ์ท และบุคคลสำคัญทั้งจากแวดวงการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโอกาสสำคัญ เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบการก่อตั้งบริษัทปอร์เช่ ภายใต้ชื่องาน "70 years of the Porsche sports car"
"เป็นธรรมเนียมปฏิบัติคือพันธสัญญาที่สืบสอดกันมา หากปราศจากซึ่งสิ่งที่เปรียบเสมือนคุณค่าหลักเหล่านี้ เราคงไม่อาจยืนหยัดมาจนถึงปัจจุบัน" Blume ได้อธิบายเพิ่มเติม "เราได้ตระเตรียมแผนงานในการส่งเสริมให้เกิดความเป็นเลิศทางเทคโนโลยียานยนต์ ตามแนวทางที่กำหนดขึ้นโดย Ferry Porsche ให้ดำรงอยู่ต่อไปในอนาคต นวัตกรรมพลังขับเคลื่อนอัจฉริยะคือคำตอบอันยอดเยี่ยมของวันข้างหน้าที่กำลังจะมาถึง และแน่นอนว่าเรามีความเชี่ยวชาญในทุกสิ่งที่กล่าวมา ด้วยทีมงานและบุคลากรที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างที่ไม่มีใครเหมือน ทำให้เรามั่นใจว่าปอร์เช่จะยังคงเป็นแบรนด์ที่ทรงคุณค่าและเต็มไปด้วยความน่าสนใจ แม้ว่าจะผ่านไปอีก 70 ปี ข้างหน้าหลังจากนี้"
ประวัติความเป็นมาของปอร์เช่เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1948 ในยุคสมัยที่ศาสตราจารย์ Ferdinand Porsche อุทิศชีวิตการทำงานของตนเองเพื่อสร้างสรรค์ยนตรกรรมสปอร์ตให้เป็นไปตามความปรารถนา โดยมี Ferry บุตรชายหัวแก้วหัวแหวน รับบทบาทปฏิบัติงานร่วมกันกับพ่อของเขาตลอดเวลา Ferdinand Porsche คือหนึ่งในสุดยอดนักค้นคว้าบุกเบิกนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมยานยนต์มากมายในช่วงต้นศตวรรษปี 1900 เขาได้สร้างรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าผ่านอุปกรณ์ผลิตพลังงานบริเวณดุมล้อ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อว่า Lohner-Porsche ยานพาหนะของเขาคันนี้ได้กลายเป็นพื้นฐานในการพัฒนารถยนต์โดยสารขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel-drive เป็นยานพาหนะคันแรกในโลก และในปีเดียวกันนั้นเองเขายังได้สร้างรถต้นแบบสำหรับรถยนต์ไฮบริด จากการผสมผสานระบบขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้า ในปี 1931 ศาสตราจารย์ Ferdinand Porsche ได้ดำเนินการก่อตั้งสำนักงานด้านวิศวกรรมของตนเอง โดยใช้ชื่อว่า"Berlin-Rome Car" เป็นสถานที่แห่งนี้เปิดให้เข้าชมในปี 1939 นับเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดริเริ่มในการก่อกำเนิดสุดยอดยนตรกรรมที่มีนามว่าปอร์เช่ ถึงแม้ว่าในภายภาคหน้าความฝันของเขาจะกลายเป็นความจริงได้ด้วยฝีมือของ Ferry ในปี 1948 เมื่อรถสปอร์ต 356 กำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก
ผู้สืบทอดตำนานความแรงลำดับถัดมาต่อจาก 356 คือ ปอร์เช่ 911 (Porsche 911) เป็นซึ่งได้รับการออกแบบโดยFerdinand Alexander บุตรชายของ Ferry Porsche ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของรถคันนี้คือแรงผลักดันที่ทำให้ปอร์เช่ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับแนวหน้าของโลกได้อย่างไร้ข้อกังขา ด้วยความเป็นเลิศทั้งในเชิงวิศวกรรมและเอกลักษณ์ของการออกแบบ ปอร์เช่ 911 (Porsche 911) เผยโฉมต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในปี 1963 จวบจนกระทั่งปัจจุบันมันได้ถูกผลิตขึ้นมากกว่า 1 ล้านคัน "ถึงแม้ว่า 911 ได้ก่าวผ่านวิวัฒนาการและเติมแต่งนวัตกรรมยานยนต์ รวมถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยมาอย่างต่อเนื่องยาวนานนับสิบๆ ปีก็ตาม แต่มันยังคงเป็นยานพาหนะหนึ่งเดียวที่สามารถรักษาอัตลักษณ์ประจำตัวอันมีมาตั้งแต่ต้นกำเนิดของ 911 เอาไว้ได้" Blume กล่าวเสริมต่อไปอีกว่า "รถยนต์ปอร์เช่ทุกคันตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และแน่นอนว่าในอนาคตข้างหน้าล้วนแล้วแต่พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานของรถสปอร์ตคันนี้ทั้งสิ้น ในฐานะเรือธงรุ่นสูงสุดตลอดกาลของปอร์เช่ 911 (Porsche 911) คือรถยนต์ที่เป็นยิ่งกว่าความใฝ่ฝันมันสามารถเอาชนะใจและทำให้นักขับขี่ทั่วมุมโลกหลงเสน่ห์ในตัวมันได้"
ยนตกรรมสปอร์ตในอนาคตของปอร์เช่ที่กำลังจะตามมา เริ่มต้นจากการมาถึงของ Mission E ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบคันแรก อัดแน่นด้วยสุดยอดเทคโนโลยีระดับสูงจาก Zuffenhausen ตามแนวคิดในการหลอมรวมเอาความแตกต่างอย่างสุดขั้วให้เป็นหนึ่งเดียว ทั้งในแง่ของการออกแบบที่เร้าอารมณ์ตามสไตล์ปอร์เช่สมรรถนะการขับขี่อันโดดเด่นและอรรถประโยชน์ที่รองรับทุกการใช้งานในชีวิตประจำวัน รถสปอร์ต 4 ประตู 4 ที่นั่งติดตั้งขุมพลังขับเคลื่อนที่ให้พละกำลังสูงสุดมากกว่า 600 แรงม้า (440 กิโลวัตต์) พร้อมการขับเคลื่อนด้วยระยะทางมากกว่า 500 กิโลเมตร อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาต่ำกว่า 3.5 วินาที ใช้เวลาเพียง15 นาทีในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าจนถึงความจุ 80 เปอร์เซ็นต์ ปอร์เช่ทุ่มงบประมาณในการพัฒนาโครงการแห่งอนาคตนี้ถึงกว่า 1,000 ล้านยูโร ผลพลอยได้คือการสร้างตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,200 ตำแหน่ง เฉพาะที่สำนักงานใหญ่ใน Stuttgart-Zuffenhausen ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ในการผลิต Mission E "ปอร์เช่ยังคงเป็นปอร์เช่ตลอดมาและตลอดไปเราคือผู้ผลิตรถสปอร์ตที่เปี่ยมไปด้วยความพิเศษสุด" Blume ทิ้งท้าย
ปอร์เช่จัดงานเฉลิมฉลองในวาระแห่งการครบรอบอย่างยิ่งใหญ่ด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจทั่วโลกตลอดปี เริ่มต้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ด้วยงาน "The Porsche Effect" ซึ่งจะจัดขึ้น ณ พิพิธภัณฑ์ Petersen Automotive Museum ในนครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ตามมาติดๆ ด้วยนิทรรศการ "70 years of the Porsche sports car" โดยจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 20-31 มีนาคม และเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ Porsche Museum ยังได้จัดแสดงนิทรรศการพิเศษเพื่อฉลองการครบรอบดังกล่าวเช่นเดียวกัน ทั้งนี้จะมีขึ้นในวันที่ 9 มิถุนายนและในวันเดียวกันนั้น ปอร์เช่ได้เชิญบรรดาแฟนๆ ผู้หลงใหลในรถสปอร์ตเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นพร้อมกันหลายแห่งทั่วโลกในชื่อว่า "Sports Car Together Day" สำหรับช่วงสุดสัปดาห์ต่อจากนั้นในวันที่ 16-17 มิถุนายน จะเป็นการเปิดบ้านของเหล่าพนักงานภายในโรงงาน Zuffenhausen
เพื่อต้อนรับการมาเยีอนของกลุ่มลูกค้า พร้อมกับร่วมงานฉลองที่จะมีขึ้นภายในและบริเวณโดยรอบของพิพิธภัณฑ์Porsche Museum ในสตุ๊ทการ์ทเฉกเช่นเดียวกันกับบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองให้แก่วาระครบรอบของปอร์เช่ กับงานรวมพลรถสปอร์ตระดับตำนาน "Festival of Speed" ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 12-15 กรกฎาคม ณ สนามGoodwood ประเทศอังกฤษ และเทศกาลสุดคลาสสิก "Rennsport Reunion" ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วงวันที่ 27-30 กันยายน นอกจากนี้ยังนับเป็นครั้งแรกของปอร์เช่สำหรับการจัดกิจกรรม "Sound Night" ภายในบริเวณ Porsche Arena เมืองสตุ๊ทการ์ท วันที่ 13 ตุลาคม ติดตามข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ https://www.porsche.com/museum/en/
หมายเหตุ: ติดตามภาพประกอบเนื้อหาข่าวได้ที่ Porsche Newsroom (http://newsroom.porsche.com)
และฐานข้อมูลสำหรับสื่อมวลชนที่ Porsche press database (https://presse.porsche.de)
เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่าง เป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า "เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR" เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า "AAS The Name You Can Trust" ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี