กรุงเทพฯ--2 ก.พ.--มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
คณะนิติศาสตร์ ปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดค่ายเยาวชนกฎหมาย ครั้งที่ 4 เปิดโอกาสให้นักเรียนทั่วประเทศได้เข้าร่วมโครงการด้วยเพราะด้วยเห็นว่ากฎหมายมีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน อาทิ การประกอบอาชีพ การติดต่อสื่อสาร ตลอดจนการใช้บริการสาธารณะต่างๆ นักกฎหมายไทยยุค 4.0 นอกเหนือจากเรื่องกฎหมายแล้ว ยังต้องรู้เรื่องเทคโนโลยี ภาษาต่างประเทศ ต้องมีแนวคิดให้ทันเหตุการณ์ การเรียนรู้กฎหมายเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เยาวชนรุ่นใหม่ทันต่อกระแสสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปพร้อมนำความรู้ทางกฎหมายไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
โครงการค่ายเยาวชนกฎหมายครั้งนี้มีนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายกว่า 90 คนจาก 42 โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ นอกจากเยาวชนจะได้เรียนรู้กฎหมายจากการบรรยายทางวิชาการโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านแล้ว ยังได้ศึกษาดูงานศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เรียนรู้กระบวนวิธีพิจารณาในศาล โดยสถานการณ์สมมุติ (ศาลจำลอง) พร้อมกิจกรรมสันทนาการเสริมสร้างทักษะด้านกฎหมาย ผลที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าเยาวชนไทยรุ่นใหม่มีความสนใจกฎหมายเพิ่มมากขึ้น
"บัว" นางสาวสุนันทา คลังทอง โรงเรียนปากพนัง เล่าว่ากฎหมายสำคัญมากเพราะทุกอาชีพเกี่ยวข้องกับกฎหมาย การเข้าค่ายครั้งนี้ทำให้ได้ประสบการณ์ที่ดี ได้แลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนๆ ที่ชอบเรียนกฎหมายเหมือนกัน
"รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากค่ะ ที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ นอกจากจะประทับใจกับการต้อนรับเป็นอย่างดีของพี่ๆแล้ว ได้สัมผัสกับประสบการณ์จริงเข้าเยี่ยมชมศาลปกครอง ศาลจำลอง ได้เห็นภาพ บทบาทสมมุติต่างๆ ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับนักกฎหมายมากยิ่งขึ้น"
"จัสมิน" นางสาวกุนฑีร์ลักษณ์ ตอประเสริฐ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้กล่าวถึงเหตุผลที่ตนเข้าร่วมค่ายกฎหมายว่า "ชอบเรียนกฎหมายเพราะชอบความยุติธรรม จึงคิดว่าค่ายนี้จะสามารถสานต่อและช่วยให้เราเข้าใกล้ความฝันมากขึ้น สิ่งที่ได้จากการเข้าค่ายนอกจากมิตรภาพ และการดูแลเป็นอย่างดีจากอาจารย์และรุ่นพี่แล้ว ยังได้เรียนรู้ เกี่ยวกับ กฎหมายในชีวิตประจำวัน ทั้ง พรบ.คอมพิวเตอร์ สิทธิเด็ก ฯลฯ เมื่อรู้ข้อกฎหมายแล้วก็สามารถทำตนให้ถูกต้องเหมาะสมและอยู่ในขอบเขตค่ะ"
"แคท" นางสาววิชญาพร ทรัพย์เจริญกุล โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยรังสิต เล่าว่าเข้าใจว่าตนเองอยากเข้าเรียนในคณะรัฐศาสตร์มาตลอด แต่พอได้มาเข้าค่ายครั้งนี้ทำให้รู้ตัวว่าสนใจเรียนทางด้านกฎหมายมากกว่า เพราะประทับใจและสนุกไปกับการทำกิจกรรมในค่ายกฎหมายทั้งได้ประสบการณ์ ได้รู้ถึงความสำคัญของการเรียนกฎหมาย และกฎหมายที่เราควรจะรู้ เช่น การดูหมิ่น หมิ่นประมาท ซึ่งเราจะสามารถนำไปใช้ในประชีวิตประจำวันได้
นับได้ว่าเป็นโครงการที่ดีอีกหนึ่งโครงการที่จะผลักดันและส่งเสริมการเรียนรู้ให้แก่เยาวชนตลอดจนเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย ทั้งยังให้บริการทางวิชาการแก่สาธารณะรวมถึงสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและครอบครัวได้อย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ดีการเรียนกฎหมายไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องอยู่ในศาลหรือเป็นทนายเสมอไป เราสามารถทำงานที่เกี่ยวกับความยุติธรรมในบริษัทเอกชนหรือทำงานด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทำงานในด้านสื่อสาร วิชาการ การค้าและอุตสาหกรรม สังคมสงเคราะห์ การเมือง หรือแม้กระทั่งทำให้เราสามารถไปไหนก็ได้อย่างที่ต้องการ ทั้งยังเป็นสาขาที่ได้รับการยอมรับมากและมีโอกาสทางการทำงานสูง