กรุงเทพฯ--2 ก.พ.--ไทยประกันชีวิต
นายไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจว่า ปัจจุบันธุรกิจประกันชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก การก้าวกระโดดของเทคโนโลยี ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ทั้งพฤติกรรมการซื้อสินค้าและการบริการ ซึ่งตลอดระยะเวลา 76 ปี ไทยประกันชีวิตดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานการรู้เท่าทันกระแส และเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เพื่อรองรับสถานการณ์ธุรกิจและการปรับเปลี่ยนของผู้บริโภคในปัจจุบันรวมถึงอนาคต บริษัทฯ จึงได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ (Road Map) 10 ปี 5 ปี และ 3 ปี เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจอย่างชัดเจน ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยมีเป้าหมายให้ไทยประกันชีวิตเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth Organization)
โดยยุทธศาสตร์บริษัทฯ จะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจในลักษณะ People Business หรือธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับ "คน" ซึ่งบริษัทฯ ประกาศตั้งแต่ปี 2558 ประกอบด้วยกลยุทธ์หลัก 7 ด้าน ได้แก่ Holistic Customer Propositions ยึดประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นหลัก โดยมุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในเชิงลึกและครบรอบด้าน ผ่านการพัฒนาสินค้าและบริการ ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค ช่องทางการขาย และโอกาสทางการตลาด โดยนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน Channel Productivity พัฒนาช่องทางการขายให้มีศักยภาพและมีความหลากหลายมากขึ้น รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะช่องทางตัวแทน ที่ต้องพัฒนาสู่การเป็นผู้วางแผนดูแลชีวิต หรือ Life Partner ด้วยการสร้างองค์ความรู้ให้แก่ตัวแทนในทุกด้าน รวมถึงความสามารถด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะการผลักดันให้ตัวแทนสอบใบอนุญาต SIC (Security Investment Consultant) เพื่อขายสินค้าประเภท Unit Linked หรือ Universal Life ซึ่งเป็นสินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวในอนาคต
Successful Expansion การขยายธุรกิจสู่ตลาดในภูมิภาคอื่น โดยเริ่มจากประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพ และมีแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยตั้งเป้าเป็นบริษัทขนาดใหญ่ 1 ใน 5 ด้านเบี้ยประกันรับปีแรกและเบี้ยประกันรับรวม Higher Return on Investment ให้ความสำคัญกับการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า รวมถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากบริษัทฯ ตระหนักดีว่า เงินลงทุนมาจากเบี้ยประกันที่ผู้เอาประกันชำระให้กับบริษัทฯ โดยเฉพาะการดำรงเงินกองทุน (CAR Ratio) ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2560 อยูที่ 310% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้ที่ 140%
Expense Optimization การบริหารต้นทุนให้เกิดประสิทธิภาพ ปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น Technology Excellence ปรับปรุงระบบจัดการธุรกิจและนำเทคโนโลยีใหม่มาพัฒนาการดำเนินงาน ทั้งระบบการให้บริการ ช่องทางการขาย และ Brand Love การสร้างแบรนด์ เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์ชั้นนำที่สร้างแรงบันดาลใจ และอยู่ในใจผู้บริโภคทุกคน
"บริษัทฯ ไม่เพียงกำหนดนโยบายการดำเนินธุรกิจในแต่ละปี เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงทีเท่านั้น แต่ยังกำหนด Road Map ในการดำเนินธุรกิจในระยะกลางและระยะยาว เพื่อปรับปรุงและพัฒนาองค์กรในทุกๆ ด้าน สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและลูกค้าที่เปลี่ยนไปในอนาคต" นายไชยกล่าว
สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันรับปีแรก 17,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2560 ประมาณ 15% โดยแบ่งเป็นช่องทางตัวแทน 11,800 ล้านบาท และช่องทาง Non Agent 5,200 ล้านบาท โดยเน้นขายสินค้าประเภทคุ้มครอง สินค้าออมทรัพย์ระยะเวลา 20 ปีขึ้นไป สัญญาพิเศษเพิ่มเติม รวมถึงสินค้าควบการลงทุน ทั้ง Universal Life และ Unit Link ซึ่งเป็นสินค้าที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้มีเงินออม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทฯ จะนำเทคโนโลยีหรือดิจิตอลเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาระบบงาน การบริการ หรือช่องทางการขาย แต่หัวใจหลักของธุรกิจประกันชีวิต คือการสร้างความผูกพันกับคน หรือ Human Touch โดยเฉพาะช่องทางตัวแทน แม้จะนำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนการขาย แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องสร้างความไว้วางใจ ความรัก และความผูกพันให้เกิดกับผู้เอาประกัน ต้องมีความเป็นมืออาชีพ เป็น Life Partner รวมถึงการขายผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ E-Commerce ที่ต้องมีความเป็นเพื่อนคู่คิด (Companion) เป็นที่ปรึกษาวางแผนชีวิตเช่นเดียวกัน เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับการบริการที่ดีไม่แตกต่างจากตัวแทน
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังดำเนินกลยุทธ์ในลักษณะ Ecosystem Strategy ทั้งในส่วนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อาทิ การสร้าง Ecosystem ให้กับแบรนด์ ด้วยการเชื่อมต่อทุก Platform ของการสื่อสารทั้งสื่อดั้งเดิมและสื่อดิจิตอล เพื่อสร้างประสบการณ์ใน Platform ต่าง ๆ ไห้ผู้บริโภคมีปฏิสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับแบรนด์ หรือการสร้าง Ecosystem Partner เครือข่ายพันธมิตร เพื่อเสริมจุดแข็งด้านการสร้างแบรนด์ การบริการ