กรุงเทพฯ--5 ก.พ.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
บมจ. ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ หรือ TPIPP ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้งที่ใหญ่ที่สุดในไทยที่มุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม คาดปริมาณการผลิตและขายไฟฟ้าไตรมาส 4/60 สูงสุด หลังซ่อมบำรุงเครื่องจักร และโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินและ RDF (TG 7) 70 MW เริ่มผลิตและขายไฟฟ้าให้แก่บริษัทแม่ พร้อมได้รับปัจจัยบวกจากการปรับขึ้นค่าเอฟทีงวด ก.ย. – ธ.ค. 60 อีก 8.87 สตางค์ต่อหน่วย หนุนภาพรวมผลการดำเนินงาน
นายวรวิทย์ เลิศบุษศราคาม รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายโรงงาน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 4/60 บริษัทฯ สามารถเดินเครื่องจักรโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะและโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้งได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพอใจ หลังซ่อมบำรุงเพิ่มประสิทธิภาพตามแผนงาน ส่งผลให้อัตราการผลิตไฟฟ้าเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าทุกแห่งปรับตัวดีขึ้น ขณะเดียวกัน โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินและพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ (TG 7) กำลังการผลิตติดตั้ง 70 MW ได้เริ่มเดินเครื่องจักรและจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ บมจ. ทีพีไอ โพลีน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา
ในไตรมาส 4/60 คาดว่าจะทำสถิติผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้สูงสุดอีกครั้ง โดยมีปริมาณการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้ารวมทั้งสิ้นประมาณ 232 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นประมาณ 26.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/60 ที่มีปริมาณการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้ารวมประมาณ 184 ล้านหน่วย และเพิ่มขึ้นประมาณ 28.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/59 ที่มีปริมาณผลิตและจำหน่ายไฟฟ้ารวม 180.4 ล้านหน่วย นอกจากนี้ บริษัทฯคาดว่าจะได้รับผลดีจากการที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติปรับขึ้นค่าเอฟทีงวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2560 อีก 8.87 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะช่วยเกื้อหนุนอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 และภาพรวมปี 2560
"หลังจากที่ปิดปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรแล้วเสร็จตามแผนงาน ส่งผลให้อัตราการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ สะท้อนถึงความสามารถการบริหารจัดการที่ดี และในปี 2561 เรามีเป้าหมายจะเพิ่มอัตราการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทุกแห่งที่ดียิ่งขึ้นอีก เพื่อสร้างผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป" นายวรวิทย์ กล่าว