กรุงเทพฯ--6 ก.พ.--ไทยทีวีสีช่อง 3
ผลิตโดย : บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
บทประพันธ์ : รอมแพง
บทโทรทัศน์ : ศัลยา
กำกับการแสดง : ภวัต พนังคศิริ
"อำนาจเหนือดวงจิตเป็นดังบุพเพสันนิวาส ที่นำพาดวงใจสองดวงให้มาบรรจบกัน"
ดุจดั่งความรักของ เกศสุรางค์ นักโบราณคดีสาวร่างอ้วนวัย 25 ปี ที่มีหน้าตาสุดแสนธรรมดา ทว่าเธอเป็นคนมีนิสัยร่าเริงแจ่มใส มองโลกในแง่ดี และมีความรู้ด้านโบราณคดีและภาษาฝรั่งเศสเป็นอย่างดี เธอจึงเป็นที่รักของคนใกล้ชิด แต่ผู้ที่เกศสุรางค์อยากได้รับความรักจากเขามากที่สุดก็คือ เรืองฤทธิ์ เพื่อนสนิทที่คบกันมานานหลายปี แต่เพราะคิดว่าเรืองฤทธิ์คงไม่สนใจคนหน้าตาธรรมดาๆ แถมยังอ้วนจนหน้าเกลียด เกศสุรางค์จึงต้องเก็บงำความรักที่มีต่อเขาเรื่อยมา เพื่อรอคอยวันที่เธอจะกล้าเผยความในใจกับเขา โดยที่ไม่รู้เลยว่าวันนั้นจะมาไม่ถึง
เพราะวันหนึ่งขณะที่เกศสุรางค์และเรืองฤทธิ์เดินทางกลับจากไปทำงานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รถตู้เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ยังผลให้เกศสุรางค์เสียชีวิตคาที่ !
ขณะเดียวกัน ณ อีกช่วงกาลหนึ่งย้อนเวลาไป 333 ปี ในพ.ศ. 2225 รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้เกิดเหตุร้ายขึ้นเมื่อ แม่หญิงการะเกด สาวสวยแต่จิตใจร้ายกาจ สั่งให้ ผิน กับ แย้ม สองบ่าวผู้ซื่อสัตย์ไปล่มเรือของ แม่หญิงจันทร์วาด เหตุเพราะไม่พอใจที่เห็นจันทร์วาดชม้ายชายตาให้ หมื่นสุนทรเทวา หรือ พ่อเดช คู่หมั้นของการะเกด แล้วแผนร้ายครั้งนี้ก็ทำให้บ่าวของแม่หญิงจันทร์วาดจมน้ำตายไปหนึ่งคน แต่แม่หญิงจันทร์วาดรอดชีวิต
เรื่องนี้ร้อนถึงหมื่นสุนทรเทวา เขามั่นใจว่างานนี้เป็นฝีมือของแม่หญิงใจคด ปากจัด เอาแต่ใจ อารมณ์ร้าย ขี้อิจฉา จนผู้คนเอือมระอาไปทั่วอยุธยาอย่างการะเกด เพราะในคืนเกิดเหตุเขาเห็นการะเกดเดินอยู่แถวท่าน้ำ และถึงเขาจะเป็นคู่หมั้นคู่หมายของเธอ แต่เขาก็ไม่เคยรักเธอเลย ส่วนเรื่องหมั้นหมายเป็นเพียงความต้องการของผู้ใหญ่ เพราะ ออกญาโหราธิบดี บิดาของหมื่นสุนทรเทวาได้เคยขอการะเกด ซึ่งเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทเอาเมื่อครั้งยังเด็ก พอพ่อแม่ของการะเกดเสียชีวิตไปตั้งแต่ปีกลาย ด้วยความสงสาร ออกญาโหราธิบดีจึงพาการะเกดมาอยู่ที่เรือนด้วย แม้ คุณหญิงจำปา ภรรยาจะไม่เห็นด้วย แต่ก็คัดค้านสามีไม่ได้ และออกญาโหราธิบดีก็ไม่เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นฝีมือของการะเกด หมื่นสุนทรเทวาจึงต้องหาทางพิสูจน์ด้วยการร่าย "มนต์กฤษณะกาลี" ซึ่งเป็นมนต์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ สาปแช่งผู้ที่คิดร้ายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้มีอันเป็นไป
แล้วก็เป็นไปตามคาด มนต์กฤษณะกาลีทำให้การะเกดทุรนทุรายจนสิ้นใจตาย โดยมีผินกับแย้มเท่านั้นที่เฝ้าร่างไร้ลมหายใจของการะเกดอยู่ทั้งคืน เพราะไม่กล้าไปบอกใครว่านายของตนตายแล้วด้วยฤทธิ์ของมนต์กฤษณะกาลี เพราะนั่นจะทำให้ทุกคนรู้ว่านายของตนเป็นผู้วางแผนทำร้ายแม่หญิงจันทร์วาดจริงๆ
ขณะที่หมื่นสุนทรเทวายังร่ายมนต์กฤษณะกาลีไม่หยุด วิญญาณของการะเกดได้ไปพบกับวิญญาณของเกศสุรางค์ การะเกดสำนึกในการกระทำเลวร้ายของตัวเอง และเหมือนเธอรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับเกศสุรางค์ เธอจึงอ้อนวอนขอให้เกศสุรางค์ทำดี แก้ไขความผิดที่เธอเคยทำเอาไว้แทนด้วย ก่อนที่วิญญาณของการะเกดจะเลือนหายไป ส่วนวิญญาณของเกศสุรางค์ก็ได้ยินเสียงร่ายมนต์กฤษณะกาลี จึงเดินไปทางเสียงก่อนจะถูกแสงสีขาวดูดหายไป
เมื่อเกศสุรางค์ลืมขึ้นมาอีกครั้ง เกศสุรางค์ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อพบว่าตัวเองมาอยู่ในร่างของแม่หญิงการะเกด เช่นเดียวกับที่ผินและแย้มก็ตกใจที่นายของตนฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เสียงร้องเอ็ดตะโรของสามสาว เรียกให้ทุกคนในเรือนไทยแห่กันเข้ามาดู รวมทั้งหมื่นสุนทรเทวาด้วย ทุกคนมองเกศสุรางค์อย่างประณามหยามเหยียดว่าเป็นตัวชั่วร้าย เกศสุรางค์พยายามบอกกับทุกคนว่าเธอไม่ใช่แม่หญิงการะเกด แต่เธอมาจากยุครัตนโกสินทร์ ทว่าไม่มีใครเชื่อ และแม้เธอจะหลุดพ้นข้อกล่าวหาว่าวางแผนล่มเรือแม่จริงจันทร์วาดเพราะเธอไม่ตายก็ตาม แต่ทุกคนก็คิดว่าการะเกดโดนอำนาจของมนต์กฤษณะกาลีเข้า เลยกลายเป็นแม่หญิงจิตวิปลาสไปเสียแล้ว
และถึงเกศสุรางค์จะได้มีโอกาสมาอยู่ในร่างของคนสวยตามความฝัน แต่เธออยากกลับบ้านไปหา สิปาง มารดา และ คุณนวล ยายของเธอมากกว่า เกศสุรางค์พยายามคิดหาทางกลับไปสู่โลกของตัวเองให้ได้ แต่เธอไม่รู้จะทำยังไง เกศสุรางค์จึงไปหาหมื่นสุนทรเทวาเพราะคิดว่าเขาอาจจะช่วยเธอได้บ้าง ทว่าหมื่นสุนทรเทวากลับไม่ยอมพูดกับเธอดีๆ ซ้ำยังมีท่าทางรังเกียจราวกับว่าเธอเป็นกิ้งกือไส้เดือน ทั้งๆที่แม่หญิงการะเกดมีรูปร่างหน้าตาสวยงามราวภาพวาดก็ตาม เกศสุรางค์อยากรู้ว่าทำไมหมื่นสุนทรเทวาถึงเกลียดคู่หมั้นของตัวเองนักหนา จึงไปตะล่อมถามจากผินและแย้ม โดยอ้างว่ามนต์กฤษณะกาลีทำให้เธอมึนๆจนจำอะไรไม่ได้ ผินกับแย้มเล่าถึงอดีตที่เธอนิสัยเลวร้ายอย่างไร แต่สิ่งที่น่าสะพรึงยิ่งกว่านั่นคือ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันแม่หญิงการะเกดวางแผนร้ายล่มเรือแม่หญิงจันทร์วาดจนมีคนตาย !
เกศสุรางค์นึกถึงสิ่งที่วิญญาณของแม่หญิงการะเกดบอกว่าขอให้เธอช่วยแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดแทน เกศสุรางค์ก็เลยคิดว่าถ้าเธอสามารถทำให้ทุกคนรักและให้อภัยการะเกดได้ เธออาจจะได้กลับบ้าน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเกศสุรางค์จึงทำใจยอมรับที่จะใช้ชีวิตอยู่ในร่างของแม่หญิงการะเกด
แต่การะเกดคือเกศสุรางค์ สาวร่างอ้วนที่จิตใจดีมีเมตตา เฉลียวฉลาด มีอารมณ์ขัน รักความยุติธรรม ไม่แบ่งแยกชนชั้น คนทั้งบ้านจึงประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงเหมือนเป็นคนละคนของแม่หญิงการะเกด จากวาจาผรุสวาทเป็นเนืองนิตย์กลายเป็นวาจาอ่อนหวานไม่ถือตัว ถึงกับเรียกบ่าวสองคนว่า "พี่" ตามวิถีนับญาติของคนไทยสมัยปัจจุบัน ทำให้คุณหญิงจำปาขัดเคืองใจยิ่งนัก นอกจากนั้นพฤติกรรมอื่นๆของแม่หญิงการะเกดที่ทำให้ผู้คนตกตะลึง อาทิเช่น แจกเงินบ่าว ซื้อข้าวของเครื่องใช้แจกคนในเรือน คิดทำเครื่องกรองน้ำแทนการใช้สารส้มแกว่งแบบโบราณ เย็บปักถักร้อยเก่ง ร้อยมาลัยเป็น ทำกับข้าวได้ และสุดท้ายคือขอไปทำบุญที่วัด ซึ่งร้อยวันพันปีการะเกดตัวจริงไม่เคยกระทำ
คุณหญิงจำปาปักใจว่าผีเข้าสิงการะเกด หมื่นสุนทรเทวาถึงกับพูดจาขู่เข็ญเกศสุรางค์ต่างๆนานาให้รับสารภาพ แม้ว่าในใจของตนจะเผลอไผลไปกับความน่ารักและความดีที่ไม่เคยเห็นในตัวการะเกด แต่ก็พยายามค้นหาความจริงที่เป็นคำถามรบกวนจิตใจตลอดเวลา เกศสุรางค์ปฏิเสธเสียงแข็ง ยืนยันว่าตนคือการะเกด ที่ดูเหมือนวิปลาสไปเพราะฤทธิ์ของมนต์กฤษณะกาลีเท่านั้น ไม่ช้าตนจะเป็นการะเกดคนเดิม
ต่อจากนั้นเกศสุรางค์พยายามทำตัวกลมกลืนกับวิถีชีวิตอยุธยาให้มากขึ้น เพื่อให้หมื่นสุนทรเทวาเลิกสงสัยเสียที แต่สาวรัตนโกสินทร์ในศตวรรษที่ 21 ที่ต้องจำเป็นมาเป็นสาวอยุธยาในศตวรรษที่ 17 ต้องพบกับความยุ่งยากนานับประการในการดำเนินชีวิตประจำวัน ทั้งการแต่งตัว การเดินลุกนั่ง การกินการอยู่ การอาบน้ำขับถ่าย ตลอดจนภาษาพูดที่แตกต่างแม้เป็นภาษาไทยเหมือนกัน
บรรยากาศของเรือนออกญาโหราธิบดีจึงดำเนินต่อไป โดยทั้งสองฝ่ายค่อยๆปรับตัวปรับใจกับความแปลกใหม่ที่เผชิญ
สิ่งที่เกศสุรางค์พอใจอย่างยิ่งคือ การได้เห็นอยุธยาด้วยตาของเธอเอง มิใช่จากบันทึกของผู้คนทั้งไทยและชาวต่างชาติ ออกญาโหราธิบดีให้หมื่นสุนทรเทวาพาการะเกดไปเที่ยวตลาดหรือ "ป่า" ที่ชาวอยุธยาเรียก ภูมิทัศน์ของอยุธยาที่เธอเคยจินตนาการจากหนังสือหรือจากคำสอนของอาจารย์ปรากฏให้เห็นจะๆตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นป้อมเพชรอันเลื่องชื่อ วัดพระศรีสรรเพชร์ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ และวัดไชยวัฒนารามที่เธอเปรียบเทียบวัดไชยตรงหน้ากับวัดไชยที่รัฐบาลไทยบูรณะจนสมบูรณ์ในปัจจุบัน เธอได้นั่งเรือวนรอบเกาะอยุธยา ได้เห็นวังหลวงที่งดงามอร่ามเรืองด้วยทองคำทุกหนทุกแห่ง ได้เห็นแล้วว่าอยุธยานั้นเป็นราชธานีที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด ด้วยการค้าขายกับชาวต่างประเทศที่พากันเข้ามาเสริมสร้างความมั่งคั่งสมบูรณ์ให้ดินแดนนี้
นับวันเกศสุรางค์ในร่างของแม่หญิงการะเกด ก็เป็นความเคยชินของหมื่นสุนทรเทวาที่จะพูดคุยด้วย ที่จะพาไปเที่ยวที่ต่างๆในอยุธยา ที่จะตอบคำถามมากมายหลายเรื่องที่เกศสุรางค์สรรหาขึ้นมาถาม ความอยากรู้อยากเห็นของเกศสุรางค์ส่งผลต่อความกระตือรือล้นของหมื่นสุนทรเทวาที่จะตอบและอธิบาย คำพูดเฉลียวฉลาดฉะฉาน ไม่มีทีท่าเอียงอาย หรือทอดสะพานอย่างที่เคยเป็น แววตาซื่อตรงที่จ้องจับและคอยฟังคำตอบจากเขา หมื่นสุนทรเทวาไม่รู้ตัวว่าความเกลียดชังแต่ก่อนหายไปไหนหมด ความรู้สึกที่มาแทนที่คือความสนใจใยดี อาทรห่วงหา และร้อนรุ่มยามเธอมีใครอื่นมาสนใจใกล้ชิด ใครคนนั้นไม่ใช่คนเดียว ความหงุดหงิดจึงเป็นทวีคูณ คนแรก หมื่นเรืองราชภักดี เพื่อนสนิท ที่ดูจะสนใจแม่การะเกดเป็นพิเศษ และแม่การะเกดก็ดูจะมีไมตรีตอบ แต่หมื่นสุนทรเทวาไม่รู้สาเหตุว่าเพราะหมื่นเรืองราชภักดีนั้นหน้าตาเหมือนเรืองฤทธิ์ เพื่อนชายที่เกศสุรางค์หลงรักอยู่
นอกจากความตื่นตาตื่นใจกับบ้านเมืองและผู้คนในอยุธยา เกศสุรางค์ยังพบว่าตนเองตื่นเต้นยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบบุคคลที่เธอรู้จักในประวัติศาสตร์หลายคน อาทิเช่น เจ้าพระยาโหราธิบดี ศรีปราชญ์ เจ้าพระยาโกษาเหล็ก เจ้าพระยาโกษาปาน พระเพทราชา หลวงสรศักดิ์ หลวงศรียศ นายพลเดส์ฟาร์ช สังฆราชปัลลู เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ และท้าวทองกีบม้า บางคนที่เธอรู้ชะตากรรมของเขาเหล่านั้นว่าจะสิ้นชีวิตก่อนเวลาอันควร แม้จะพยายามส่งสัญญาณเตือนด้วยความหวังว่าอาจจะช่วยไม่ให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้น แต่เธอก็ต้องตระหนักว่า กงล้อประวัติศาสตร์ไม่สามารถหมุนกลับได้
อีกคนในประวัติศาสตร์ที่เกศสุรางค์ใกล้ชิดสนิทสนม ได้รับรู้รายละเอียดความเป็นไปในชีวิตคือ ท้าวทองกีบม้า หรือ แม่มะลิ หญิงสาวลูกครึ่งแขก-ญี่ปุ่น ที่พ่อชาวเบงกอลชื่อ ฟานิก เป็นพ่อค้าขายผ้าในตลาด ทั้งสองรู้จักกันเพราะฟานิกถูก หลวงสุรสาคร ข้าราชการชาวกรีกและฝรั่งคนสนิทข่มขู่รังแก เกศสุรางค์เห็นจึงเข้าไปช่วยโต้เถียง เพราะเห็นว่าฟานิกไม่ผิด แค่ผู้หญิงอยุธยาเถียงกับฝรั่งก็เป็นเรื่องที่ผู้คนฮือฮาตกใจลือกันไปทั่วแล้ว แต่ยังโต้เถียงกันเป็นภาษาฝรั่งเศส ชื่อของแม่หญิงการะเกดเป็นที่โจษขานกันทั่ว นับว่าดังเพียงชั่วข้ามคืน ต่อจากนั้นเกศสุรางค์จึงกลายเป็นมิตรสนิทกับแม่มะลิ ไปมาหาสู่พูดคุยกันเป็นประจำ
เกศสุรางค์พบว่าหมื่นสุนทรเทวาเนื้อหอมไม่ใช่ย่อย คนหนึ่งคือแม่หญิงจันทร์วาด ที่เกศสุรางค์ยกให้เป็น "กิ๊ก" ของคุณพี่หมื่น เนื่องจากแม่หญิงจันทร์วาดรู้ว่าหมื่นสุนทรเทวานั้นเป็นคู่หมายของการะเกด แต่ยังมีทีท่าทอดสะพานอยู่เนืองๆ และตัวคุณพี่หมื่นก็เหมือนมีไมตรีตอบในบางครั้งบางคราวด้วย เป็นเหตุให้เกศสุรางค์พูดจาล้อเลียนอยู่เสมอ หมื่นสุนทรเทวาขุ่นเคืองใจทุกครั้งเพราะเขาไม่มีใจชอบแม่หญิงจันทร์วาดเลยแม้แต่น้อย ทำให้แม่หญิงผู้นั้นทวีความชังการะเกดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะสังเกตเห็นว่าหมื่นสุนทรเทวามีสายตาผิดปกติเมื่อมองการะเกด จันทร์วาดจึงเข้ากันได้ดีกับคุณหญิงจำปา เพราะคุณหญิงจำปาเกลียดชังแม่การะเกดเหลือเกิน แต่อยากได้จันทร์วาดเป็นลูกสะใภ้ สองคนจึงรวมหัวกันแกล้งการะเกดต่างๆนานา
อีกคนหนึ่งที่มีใจให้หมื่นสุนทรเทวาคือแม่มะลิ เกศสุรางค์นั้นเชียร์เพื่อนจนสุดตัว แต่หมื่นสุนทรเทวากลับพูดจาเป็นนัยๆว่า อย่าออกแรงหนุนผู้ใดให้เขาเลย คนที่เขาพอใจคือคนที่เกศสุรางค์เห็นยามส่องกระจกต่างหาก ทำให้แม่หญิงตัวแสบถึงกับหวั่นไหวในใจกับวาจาเกี้ยวพายอกย้อนของหนุ่มอยุธยา แต่พยายามกลบเกลื่อนไม่ยอมรับลูกเดียว
บุพเพสันนิวาสทำงานไปเรื่อยๆ ความผูกพันระหว่างแม่หญิงการะเกดตัวปลอมกับขุนนางหนุ่มแห่งอยุธยาก่อตัวขึ้นทีละน้อยๆ ทีท่านั้นต่างก็รู้กันอยู่แก่ใจ แต่ปากแข็งใจแข็งไม่ยอมรับทั้งคู่ จนวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ถือว่าเป็นทอล์คออกเดอะทาวน์ของอยุธยา คือเรือที่หมื่นสุนทรเทวาและการะเกดนั่งมาด้วยกัน ถูกเรือลำหนึ่งชนอย่างแรงจนคว่ำลง หมื่นสุนทรเทวาถูกหัวเรือกระแทกที่กกหูจนตกน้ำสลบไป เกศสุรางค์ใช้วิธี "เมาท์ทูเมาท์" ช่วยให้ฟื้นขึ้นมาได้ เรื่องนี้เป็นที่โจษจันอื้ออึงทั้งอยุธยา เกศสุรางค์ไปทางไหนก็ถูกมองถูกซุบซิบจนเริ่มจะรู้สึกเดือดร้อน ทำนองเดียวกันหมื่นสุนทรเทวาที่ตอนนี้ได้รับอวยยศเป็น ขุนศรีวิสารวาจา ก็รู้สึกเช่นกัน จึงเสนอตัวว่าจะออกเรือนกับแม่หญิงการะเกด
เหมือนระเบิดลง หลายคนสะเทือนกันไปหมด คนที่อกหักจากข่าวนี้ คนแรกคือขุนเรืองราชภักดีที่เฝ้าปลูกต้นรักกับการะเกด คนต่อมาคือแม่หญิงจันทร์วาด เพราะแม้แต่คุณหญิงจำปาก็ช่วยไม่ได้ และคนสุดท้ายคือแม่มะลิที่เสียอกเสียใจมากมาย เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าสองคนเป็นคู่หมายกัน สุดท้ายแม่มะลิจึงตัดสินใจรับปากจะแต่งงานกับหลวงสุรสาคร ที่พยายามเทียวไล้เทียวขื่อกับตนมาตั้งแต่เกิดเรื่องวิวาทกับแม่หญิงการะเกดในครั้งกระโน้น เกศสุรางค์ไปงานแต่งงานด้วย และในวันนั้นเองจึงได้รู้ว่าหลวงสุรสาครคือ คอนสแตนติน ฟอลคอน หรือ เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ ส่วนแม่มะลิคือ มารี เดอ กีมาร์ หรือ ท้าวทองกีบม้า บุคคลสำคัญสองคนในประวัติศาสตร์ไทยนั่นเอง
ทางด้านขุนศรีวิสารวาจารู้ว่าเหตุการณ์เรือล่มเป็นฝีมือของฟอลคอนจึงไปเอาเรื่อง เกศสุรางค์ขอตามไปด้วย ซึ่งก็เป็นไปตามคาดว่าฟอลคอนไม่ยอมรับ แต่ก่อนจะกลับเกศสุรางค์ก็ไปได้ยินฟอลคอนคุยกับพวกของเขาเป็นภาษาฝรั่งเศส ว่าพวกเขาจะเผาตลาดแล้วโยนความผิดให้พวกทหารไทย เพื่อที่ฝรั่งอย่างพวกเขาจะได้เข้าให้ความช่วยเหลือกับชาวบ้าน แล้วค่อยๆชวนให้พวกชาวบ้านหันมานับถือพวกตนแทน แล้วในขณะนั้นฟอลคอนเกิดได้กลิ่นน้ำอบของผู้หญิงไทยเข้า จึงรู้ว่ามีใครบางคนอยู่ในบริเวณนั้นก็เลยตามหาและไล่ยิงเกศสุรางค์ จนเธอเกือบจะถูกยิง แต่พ่อเดชมาช่วยและพาหนีไปได้ทัน
พ่อเดชทั้งโกรธทั้งเป็นห่วงเกศสุรางค์มากที่ทำตัวเสี่ยงเกินไป จนเขาโพล่งความในใจที่มีต่อหญิงสาวออกมาว่าเขารักเธอ ทำเอาเกศสุรางค์อึ้งไปเลย ใจหนึ่งเธอก็ดีใจที่ได้รับรู้ความรู้สึกของเขา แต่อีกใจเธอก็ต้องหักห้ามใจตัวเอง เพราะคิดว่าสักวันหนึ่งเธอก็จะต้องกลับไปยังโลกของเธอ และเธอเคยปฏิญาณแล้วว่าเธอจะรักเรืองฤทธิ์ผู้เดียวไปตลอดชีวิต ที่สำคัญก็คือว่าพ่อเดชเป็นคนรักของแม่หญิงการะเกด ไม่ใช่ของเธอ เกศสุรางค์จึงทำเป็นไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำว่ารักจากพ่อเดช มิหนำซ้ำยังขอให้การแต่งงานเลื่อนออกไป โดยอ้างว่าน่าจะรอให้ขุนศรีวิสารวาจาเข้าไปรับตำแหน่งในวังให้เรียบร้อยเสียก่อน นั่นสร้างความเสียใจให้กับพ่อเดชมาก เพราะเขาคิดไปว่าแม่หญิงการะเกดไม่ได้รักเขาเลย หารู้ไม่ว่าเกศสุรางค์เองก็ต้องหักห้ามใจตนเองเหมือนกัน
วันหนึ่งเกศสุรางค์ที่อยากหาหนังสืออ่านเพื่อให้ลืมความทุกข์ใจ เธอจึงเข้าไปในห้องทำงานของออกญาโหราธิบดีตามที่ได้รับอนุญาต แล้วเกศสุรางค์ก็เห็นพานอะไรบางอย่างอยู่บนหลังตู้จึงหยิบมาดู โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือบทสวดมนต์กฤษณะกาลี ซึ่งใครที่ยังไม่ได้ทำพิธีขออนุญาตไม่สามารถจับต้องได้ ดังนั้นเพียงแค่เกศสุรางค์แตะมือลงไป วิญญาณของเธอก็กระเด็นหลุดจากร่างของแม่หญิงการะเกดทันที ! พ่อเดชกลับมาถึงเรือนพอดี จึงได้เห็นวิญญาณของเกศสุรางค์ยืนอยู่ข้างๆร่างของแม่หญิงการะเกดที่นอนไร้ลมหายใจอยู่บนพื้น ก่อนที่วิญญาณของหญิงสาวผู้นั้นจะเลือนหายไป พ่อเดชปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา ทำให้รู้ว่าที่ผ่านมามีวิญญาณของหญิงสาวผู้อื่นอยู่ในร่างของการะเกด
ท่านชีปะขาว อาจารย์ของพ่อเดชที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจึงตามมาถามว่าเขารักใคร เขาตอบโดยไม่ต้องคิดว่าเขารักวิญญาณผู้หญิงคนนั้นที่เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใครและมาจากไหน แต่ตอนนี้เขาต้องการให้เธอกลับมาอยู่กับเขา ท่านชีปะขาวจึงบอกให้ท่องมนต์กฤษณะกาลี เพื่อเรียกวิญญาณของแม่หญิงผู้นั้นกลับมา ด้วยความรักที่มีต่อเกศสุรางค์เขาจึงนั่งท่องมนต์กฤษณะกาลีข้ามวันข้ามคืนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ส่วนทางด้านวิญญาณของเกศสุรางค์นั้นก็หลุดล่องลอยไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย เกศสุรางค์ร้องไห้ด้วยความกลัวจับใจ และในขณะที่มิติของทั้งสองโลกบรรจบกัน วิญญาณของเธอได้กลับไปยังโลกปัจจุบัน และได้ไปเห็นว่าคุณสิปางกำลังนั่งร้องไห้อยู่หน้ารูปตั้งหน้าศพของเกศสุรางค์ แล้วยายนวลก็เข้ามาปลอบใจ เกศสุรางค์จึงรู้ว่าตัวเธอตายไปแล้วตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น และได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเรืองฤทธิ์ก็รักเธอมากเสียจนขอบวชตลอดชีวิต
เกศสุรางค์ซาบซึ้งใจมาก แล้วขณะที่จ้องพระเรืองฤทธิ์อยู่นั้น เธอก็เห็นเงาสะท้อนของพ่อเดชอยู่ในร่างของเรืองฤทธิ์ เธอจึงเข้าใจแล้วว่า แท้จริงแล้วเรืองฤทธิ์ก็คือพ่อเดชมาเกิดใหม่ แล้วไม่เพียงเท่านั้น เกศสุรางค์ยังได้พบกับแม่หญิงการะเกดที่มาในสภาพที่สวยงาม อันเป็นผลจากบุญที่เกศสุรางค์ทำให้อยู่เรื่อยๆ การะเกดมาขอบคุณเกศสุรางค์และมาอนุญาตให้เกศสุรางค์ใช้ร่างของเธอได้เลย เพราะเธอหมดบุญแล้ว ส่วนเกศสุรางค์นั้นก็ได้หมดบุญในชาติปัจจุบันเช่นกัน แต่กลับไปเกิดใหม่ในชาติอดีตแทน เพื่อที่จะได้ไปครองรักกับเนื้อคู่ของเธอซึ่งก็คือขุนศรีวิสารวาจานั่นเอง
เมื่อวิญญาณของแม่หญิงการะเกดเลือนหายไปแล้ว เกศสุรางค์ก็ได้ยินมนต์กฤษณะกาลีอีก เธอรู้ว่าไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตในชาติปัจจุบันได้อีกแล้ว จึงกลับไปกราบลาแม่กับยายและร้องไห้แทบจะขาดใจ ก่อนจะกลับเข้าไปในร่างของแม่หญิงการะเกด
เมื่อร่างของการะเกดฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง พ่อเดชที่ร่างกายอิดโรยมากจากการนั่งท่องมนต์มาหลายวัน ก็สวมกอดร่างของเธอเอาไว้แน่นและกระซิบบอกข้างหูของเกศสุรางค์ว่า...ไม่ว่าเธอจะเป็นใครมาจากไหน แต่ให้รู้เอาไว้ว่าเธอคือแม่หญิงที่เขาจะรักตลอดไป เกศสุรางค์ดีใจจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป และเธอก็ไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะรักเขาอีกต่อไป เพราะพ่อเดชเป็นเนื้อคู่ของเธอที่บุพเพสันนิวาสดลบันดาลให้ทั้งสองได้มาพบกัน
บุคลิกตัวละครเรื่อง "บุพเพสันนิวาส"
พ่อเดช/หมื่นสุนทรเทวา/ขุนศรีวิสารวาจา
ชายหนุ่มหน้าตาโบราณ แววตาคมกล้า มองใครทะลุถึงหัวใจ สีหน้าสงบเยือกเย็นอยู่เสมอ เสน่ห์ของพ่อเดชอยู่ที่นัยน์ตาพูดได้ทั้งยามรักยามชัง และความหึงหวงที่ซ่อนเร้นไม่มิด เก่ง ฉลาด รู้ทันคน โดยเฉพาะเกศสุรางค์ที่เห็นมาตั้งแต่ต้นว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่พูดน้อย เฝ้าแต่คอยสังเกต เก็บงำความรู้สึกลึกๆแม้กระทั่งความรัก บางครั้งหัวหมุนเพราะเจอลวดลายของสาวแสบแบบเกศสุรางค์ อย่างที่ไม่เคยมีหญิงใดในอยุธยาเสมอเหมือน จนติด จนเคยชิน และรักได้โดยไม่รู้ตัว
เกศสุรางค์
ร่างอวบอ้วน แม้จะหน้าตาสวยงาม นิสัยร่าเริงแจ่มใส มองโลกในแง่ดี เฉลียวฉลาด เกลียดการข่มขู่ดูถูกกัน เป็นนักสู้ ไม่นิ่งเฉยกับความไม่ถูกต้อง จิตใจเข้มแข็ง มุ่งมั่นกับสิ่งที่เห็นว่าควร เมื่อไปอยู่ในร่างของการะเกดได้นำพาความน่ารัก ช่างพูด ช่างซักถาม กระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น มีอารมณ์ขัน และวาจาคารมคมคายไปด้วย ทำให้เป็นที่ประทับใจของผู้คนชาวอยุธยา โดยเฉพาะพ่อเดชหรือหมื่นสุนทรเทวาจนตกหลุมรักอย่างไม่ตั้งใจ
การะเกด
หน้าตาสวยงาม รูปร่างอ้อนแอ้นแบบบาง แต่นิสัยเลวร้ายมาก ความไม่ดีทุกอย่างอยู่ในตัว ทั้งปากร้าย ใจคด ขี้อิจฉา โกหกปลิ้นปล้อน สุดท้ายถึงกับใจเหี้ยมคิดฆ่าคน บาปกรรมสนองจนต้องตาย
พ่อเรือง/หมื่นเรืองราชภักดี/ขุนเรืองอภัยภักดี
เพื่อนสนิทของพ่อเดช ทะเล้น ขี้เล่น และเจ้าชู้ ตกหลุมรักเกศสุรางค์ในร่างการะเกดอย่างจริงจัง ห้ามใจไม่ได้กับความแปลกและน่าค้นหาของเกศสุรางค์ แม้จะรู้ว่าเป็นคู่หมายของเพื่อน ในที่สุดต้องยอมรับว่าอกหัก จึงหันไปสนใจแม่หญิงจันทร์วาดจนได้แต่งงานกัน
เรืองฤทธิ์
ชายหนุ่มเพื่อนสนิทของเกศสุรางค์ เขาแอบหลงรักเกศสุรางค์มาตลอด แต่ไม่เคยบอกเพราะกลัวจะเสียเพื่อนไป เขาจึงเก็บงำเรื่อยมา และเขาก็มีหน้าตาเหมือนพ่อเรืองไม่มีผิดเพี้ยน
แม่หญิงจันทร์วาด
หน้าตาสวยหวาน กิริยาเรียบร้อยอย่างยิ่ง เป็นประมาณไฮโซในอยุธยาเพราะพ่อเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ กิริยาระเหิดระหง เป็นคนชั้นสูง กรีดกรายเล็กน้อยพองาม สายตาดูถูกการะเกดเห็นว่าเป็นคนบ้านนอก จึงแค้นมากว่าการะเกดได้เป็นคู่หมายของบุรุษที่ตนเองพึงใจ ร่วมมือกับคุณหญิงจำปากลั่นแกล้งการะเกด จนสุดท้ายเห็นความดี ประกอบกับรู้ว่าพ่อเดชไม่เปลี่ยนใจแน่นอน จึงหันไปรักพ่อเรืองแทน
ออกญาโหราธิบดี
บิดาของพ่อเดช เก่งทางโหราศาสตร์และอักษรศาสตร์ เป็นราชครูของพระนารายณ์ ใจดี เมตตากรุณาต่อการะเกดจริงใจ แม้ในยามการะเกดร้ายกาจใครๆเกลียดก็ตาม แต่เกรงใจเมีย ยกให้เป็นใหญ่ในบ้าน มีเมียบ่าวหลายคน ลูกอีกเยอะ มองเหตุการณ์บ้านเมืองทะลุ คาดการณ์หลายอย่างแม่นยำ
คุณหญิงจำปา
มารดาพ่อเดช เกลียดชังการะเกดมาก เข้มงวดดุว่า แต่ไม่สามารถขัดขวางเรื่องการแต่งงานของลูกชายกับการะเกดได้ ทำได้แต่แสดงกิริยารังเกียจ พูดจากระทบกระแทกแดกดัน และยุยงลูกชายให้เกลียดด้วย สุดท้ายเห็นความดีความจริงใจ เห็นว่าลูกชายรักจริง เห็นแก่ความสุขของลูกจึงต้องยอมแพ้ความดีของเกศ สุรางค์ที่เป็นการะเกดด้วย
แม่มะลิ/ตองกีมาร์/ท้าวทองกีบม้า
ลูกครึ่งแขกเบงกอลทางพ่อ และญี่ปุ่น-โปรตุเกสทางแม่ สวยคมขำ รูปร่างดีเพราะเผ่าพันธุ์ เป็นเพื่อนสนิทการะเกด...ถูกชะตากัน จำใจแต่งงานกับฟอลคอนเพราะผิดหวังจากพ่อเดช สุดท้ายก็รักฟอลคอนเพราะเห็นว่ารักจริง แต่ในที่สุดฟอลคอนตาย ตัวเองถูกจับต้องอาญาขังคุก แต่ทำความดีในคุกจนได้เป็นข้าราชการ สุดท้ายเป็นหัวหน้าห้องเครื่องหวาน มีฝีมือทำขนมเป็นที่เลื่องลือ
หลวงสุรสาคร/คอนสแตนติน ฟอลคอน/ออกพระฤทธิกำแหง/เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์
เชื้อสายกรีก เข้ามารับราชการในราชสำนักอยุธยา เป็นที่โปรดปรานของพระนารายณ์เพราะเป็นคนฉลาดและเข้าใจเพ็ดทูลเรื่องราวต่างๆ มักจะมีแนวคิดใหม่ๆมาเสนอให้พระนารายณ์เปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์หลายอย่างของราชสำนัก จนเป็นที่เล่าลือว่าฟอลคอนมักใหญ่ใฝ่สูงอยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เคยใส่ความว่าออกญาโกษาธิบดีกินสินบน จนต้องถูกโบยจนตายสมดังที่ประวัติศาสตร์จารึกไว้ เป็นคนใจร้าย วาจาสามหาว มุทะลุดุดัน เจ้าแผนการ แต่จงรักภักดีต่อพระนารายณ์เป็นที่สุด สุดท้ายเมื่อเกิดกบฏพระเพทราชา พระนารายณ์สิ้นพระชนม์ จึงถูกกลุ่มกบฏสังหาร
แย้ม , ผิน
สองบ่าวผู้จงรักภักดีต่อการะเกด ตามวิถีของทาสสมัยก่อนคือซื่อสัตย์ต่อนาย แม้ว่าจะถูกต่อว่าหรือลงโทษรุนแรงอย่างใด ก็ยังรักยังภักดี จนเมื่อได้รับความเมตตาจากเกศสุรางค์ในร่างของการะเกด สองบ่าวยิ่งทวีความรักและพร้อมปกป้องแม่นายของตน สองคนคิดเหมือนกัน ทำเหมือนกันต่อการะเกด แย้มดูจะเงียบกว่าผินที่มักมีวาจาโผงผาง บู๊เก่ง แต่เมื่อพูดบ้างแย้มก็ทำให้คนฟังอึ้งได้เหมือนกัน
นางปริก
แม่ครัวของคุณหญิงจำปา ไม่ชอบการะเกดเพราะเคยโดนดุด่าและบางทีถึงขั้นตบตี เป็นไม้เบื่อไม้เมากัน มีโอกาสต้องลอบทำร้ายการะเกด
นางจวง
บ่าวในเรือนคุณหญิงจำปา ทำงานจิปาถะ เป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดี
นายจ้อย
เป็นคนสนิทหมื่นสุนทรเทวา ทำหน้าที่เหมือนทนายหน้าหอ ขนของตามนาย แจวเรือ และไปกับนายทุกที
ท่านชีปะขาว
ชายแก่วัยประมาณ 60 ปี เป็นครูประจำสำนักฝึกต่อสู้ เขาเป็นผู้มีวิชาอาคม และมีความน่าเกรงขาม เป็นที่เคารพของเหล่าทหารที่ช่วยกันปกป้องบ้านเมือง
โกษาเหล็ก
อายุประมาณ 50 ปีกว่า รูปร่างสูงใหญ่ นัยน์ตาคมเหมือนตาเหยี่ยว เสียงพูดเด็ดขาดชัดเจน แค่ฟังก็รู้ว่ามีอำนาจ
โกษาปาน
อายุประมาณ 30-35 ปี รูปลักษณะสง่าผ่าเผย นัยน์ตาคมกล้า บอกลักษณะมีภูมิปัญญา สำเนียงพูดชัดเจน เป็นน้องชายโกษาเหล็ก
ฟานิก
หน้าตาออกเหมือนแขก กิริยาเหมือนแขก คือเหมือนลุกลี้ลุกลนนิดๆ อายุประมาณ 40 ปีกว่า
คุณหญิงนิ่ม
อายุประมาณ 40 ปี รูปร่างท้วมนิดๆ ถือยศถือศักดิ์ นัยน์ตาจ้องจับผู้คนแบบสำรวจตรวจตรา วาจาชัดเจน
ศรีปราชญ์
ร่างสันทัด อายุประมาณ 30 ปีปลาย หน้าตาออกแนวอาร์ตหน่อยๆ คือดูแล้วน่าจะเป็นคนลึกซึ้ง อารมณ์อ่อนไหว
สิปาง
แม่ของเกศสุรางค์ อายุประมาณ 50 ปี เป็นคนจิตใจดี อ่อนโยน
นวล
ยายของเกศสุรางค์ เป็นอดีตข้าหลวงในวังเก่า จึงได้ถ่ายทอดวิชาเย็บปักถักร้อยให้เกศสุรางค์ตั้งแต่ยังเด็ก
รายชื่อนักแสดง
พ่อเดช/หมื่นสุนทรเทวา รับบทโดย ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ
เกศสุรางค์ - การะเกด " ราณี แคมเปน
หลวงสุรสาคร/คอนสแตนติน ฟอลคอน " หลุยส์ สก๊อตต์
แม่มะลิ/ตองกีมาร์) " สุษิรา แอนจิลีน่า
เรืองฤทธิ์ – พ่อเรือง/หมื่นเรืองราชภักดี " ปรมะ อิ่มอโนทัย
แม่หญิงจันทร์วาด " กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล
ออกญาโหราธิบดี " นิรุตติ์ ศิริจรรยา
คุณหญิงจำปา " ชไมพร จตุรภุช
โกษาเหล็ก " สุรศักดิ์ ชัยอรรถ
คุณหญิงนิ่ม " คุณหญิงนิ่ม
โกษาปาน " ชาติชาย งามสรรพ์
พระเพทราชา " ศรุต วิจิตรานนท์
หลวงสรศักดิ์ " จิรายุ ตันตระกูล
สมเด็จพระนารายณ์ " ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง
ชีปะขาว " วัชรชัย สุนทรศิริ
แย้ม " รมิดา ประภาสโนบล
ผิน " จรรยา ธนาสว่างกุล
จ้อย " วิศรุต หิมรัตน์
ปริก " อำภา ภูษิต
จวง " วิมลพันธ์ ชาลีจังหาญ
สิปาง " ปวีณา ชารีฟสกุล
คุณยายนวล " บรรเจิดศรี ยมาภัย
หลวงศรียศ รับบทโดย วิศววิท วงษ์วรรณลภย์
คลาร่า " ซูซานน่า เรโนล
ฟานิก " ไชย ขุนศรีรักษา
ศรีปราชญ์ " ณฐณพ ชื่นหิรัญ