กรุงเทพฯ--6 ก.พ.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.โกลเบล็ก แนะจับตาสภาคองเกรสสหรัฐประชุมเพิ่มเพดานหนี้ทันกำหนดเส้นตายวันที่ 8 หรือไม่ และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนมีนาคมหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งมากขึ้น ส่วนปัจจัยบวกในประเทศการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการขับเคลื่อนพรบ.อีอีซีเข้าสู่ที่ประชุม สนช. เดือนก.พ.61 หนุนดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,750 -1,790 จุด แนะนำกลุยทธ์ลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ TPCH- AMATA –WHA- AIT- ITEL ด้านราคาทองคำแนะนำซื้อกลับเมื่อราคาทองคำต่ำกว่า 1,300 ดอลลาร์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยยังคงต้องจับตาการประชุมสภาคองเกรสสหรัฐก่อนที่งบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในวันที่ 8 ก.พ.เพื่อไม่ให้ต้องชัตดาวน์อีกในวันที่ 9 ก.พ. และการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีกำหนดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 8 ก.พ.
ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยกดดันจากการร่วงลงแรงของตลาดหุ้นสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากบอนด์ยิลด์ร่วงลงจากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3 ครั้งหลังมีรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดโดยเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งดีกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี ตอกย้ำว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคมนี้ตามที่ได้ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ โดยจำนวนครั้งที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเพิ่มเป็น 4 ครั้งจากคาดการณ์เดิม 3 ครั้ง นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันปรับลดลงจากความกังวลเรื่องจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐเพิ่มขึ้น 6 แท่น สู่ระดับ 765 แท่น บ่งชี้ถึงการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในสหรัฐ ส่งผลลบเชิงจิตวิทยาต่อราคาหุ้นน้ำมันที่ปรับขึ้นต่อเนื่องก่อนหน้านี้
ส่วนปัจจัยในประเทศที่ส่งผลเชิงบวกต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ คือ แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อเนื่อง หนุนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภายในประเทศปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และอยู่ในระดับสูงสุดรอบ 36 เดือน และกระแสคาดการณ์ว่าร่างพรบ.อีอีซีจะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสนช.วาระ 3 ราวเดือนก.พ.61 หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนในการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ส่วนการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ (fund flow) ยังผันผวนต่อเนื่องมีซื้อสุทธิสลับขายสุทธิโดยในช่วง 1 เดือนย้อนหลังขายสุทธิสะสมกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,750 -1,790 จุด โดยหากดัชนีปรับลงถึงแนวรับมีโอกาสรีบาวด์ได้ หากจะซื้อเพิ่มแนะนำทยอยซื้อสะสมทีบริเวณแนวรับ ทั้งนี้หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับได้แก่ TPCH ได้ประโยชน์จากกรณีที่รมว.พลังงานเล็งใช้พลังงานชีวมวลผลิตไฟฟ้าในจ.ชายแดนใต้ระหว่างรอสรุปความชัดเจนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ปัจจุบันบริษัทมีโรงไฟฟ้าชีวมวลในภาคใต้ 3 แห่ง หุ้น AMATA , WHA ได้ประโยชน์จากร่างพรบ.อีอีซีที่จะมีความชัดเจนมากขึ้น และ หุ้น AIT, ITEL มีประเด็นเก็งกำไรจากกรณีที่กสทช.เตรียมประมูลเน็ตชนบทในเดือน ก.พ. 61
ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นร่วงลงวันเดียวหนักสุดในรอบกว่า 1 ปี และมีแนวโน้มจะเผชิญแรงขายต่อเนื่อง หลังการทะยานขึ้นไม่หยุดของ bond yield ส่งผลให้นักลงทุนปรับพอร์ตด้วยการขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยง ภาพรวมเงินสกุลดอลลาร์จึงอาจปรับแข็งค่าขึ้นได้อีกจากการไหลเข้าของเม็ดเงิน กดดันราคาทองคำให้ดิ่งลงสวนทาง สอดคล้องกับสัญญาณทางเทคนิคที่เตือนแรงขายหลังราคาหลุดเส้นแนวโน้มขาขึ้น พร้อมการอ่อนแรงของ MACD, RSI และ stochastic จึงคาดการณ์ราคาลดระดับลงสู่แนวรับ 1,300 ดอลลาร์ แนะนำเก็งกำไรสั้น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากเงินบาทที่ผันผวนสวนทางกับราคาทองคำ และแนะนำพอร์ตระยะกลางถึงยาวให้ wait & see รอจังหวะเข้าทำ Dollar Cost Average เมื่อระดับราคาลงต่ำกว่า 1,300 ดอลลาร์