เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ แนะนำบริษัทและความพร้อมในการกลับเข้าซื้อขายในหมวดปกติของตลาดหลักทรัพย์ฯ

ข่าวทั่วไป Monday June 6, 2005 11:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 มิ.ย.--หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทฯ ประกาศแต่งตั้ง บมจ.หลักทรัพย์ กิมเอ็ง
(ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เตรียมตัวเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปพร้อมกับเปิดทำ
การซื้อขายในหมวดอสังหาริมทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้งภายใต้การบริหารของกลุ่ม เค.ซี. เพื่อเพิ่ม
ช่องทางในการแข่งขันรองรับการขยายตัวของบริษัทฯ
บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ เชื่อมั่นในศักยภาพ
และความเป็นมืออาชีพของบริษัทที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี พร้อมแรงหนุนจากสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์
ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เตรียมตัวเปิดทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้งหลังพ้นแผนฟื้นฟู
ภายใต้การบริหารของกลุ่มเค.ซี. มีเป้าหมายเพื่อรองรับการขยายงานในอนาคตเพิ่ม เพื่อสร้างศักยภาพในการ
แข่งขันในระยะยาว โดยมอบหมายให้บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษา
ทางการเงิน
นายอภิสิทธิ์ งามอัจฉริยะกุล ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี.
พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทพัฒนาที่ดิน
และจำหน่ายพร้อมสิ่งปลูกสร้างด้วยชื่อเสียงและประสบการณ์ที่สั่งสมมานานกว่า 20 ปี จากการค้าวัสดุ ก่อสร้าง
ประเภทไม้อัด พร้อมกับการก่อสร้างอาคารพาณิชย์เพื่อจำหน่ายในระยะแรกก่อนก้าวสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ในปี 2525 โดยเน้นพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ บนทำเลฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร เช่น
เขตหนองจอก เขตคลองสามวา เขตมีนบุรี เป็นต้น ซึ่งเป็นทำเลที่มีความเชี่ยวชาญ มุ่งเน้นการบริหารโครงการ
ด้วยคุณภาพ และราคายุติธรรมเป็นสิ่งสำคัญ มีการควบคุมการก่อสร้างและการบริหารงานอย่างใกล้ชิด อีกทั้งเป็น
ผู้จัดซื้อวัสดุก่อสร้างในส่วนสำคัญเอง นับเป็นข้อได้เปรียบจากคู่แข่งขันในเรื่องการควบคุมคุณภาพและราคาต้นทุน
ส่งผลต่อการกำหนดราคาเพื่อสร้างความยุติธรรม และพึงพอใจแก่ลูกค้า
บริษัทฯ มุ่งเน้นการเติบโตอย่างมั่นคงในการขยายธุรกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพโดยบริษัทมี
เป้าหมายในการคงความเป็นผู้นำในทำเลที่เชี่ยวชาญ และขยายส่วนแบ่งการตลาดให้เติบโตในประเภทบ้านเดี่ยว
และทาวน์เฮ้าส์ โดยเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2546 กลุ่มเค.ซี.ได้เข้าลงทุนในบริษัท โมเดอร์นโฮม ดีเวลลอปเม้นท์
จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และอยู่ระหว่างการดำเนินการฟื้นฟูกิจการ โดยบริษัทฯ
ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 25.47 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 13.74 บาท มูลค่าที่ตราไว้ 10 บาท คิดเป็น
มูลค่า 350 ล้านบาท โดยชำระเป็นเงินสดจำนวน 23.55 ล้านบาท และสินทรัพย์ประเภทที่ดินและโครงการที่
เดิมดำเนินการภายใต้กลุ่มบริษัทมูลค่ารวม 326.45 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาประเมินเฉลี่ยของผู้ประเมินราคาอิสระ
2 ราย และในภายหลังมีการจัดสรรหุ้น (Right Offering) ให้แก่ผู้ถือหุ้นกลุ่มเดิมและกลุ่ม เค.ซี. จำนวน
1.03 ล้านหุ้น ตามราคาตราหุ้นละ 10 บาท คิดเป็นมูลค่า 10.30 ล้านบาท ส่งผลให้กลุ่ม เค.ซี.มีสัดส่วนการ
ถือหุ้นประมาณร้อยละ 75 และเข้าบริหารกิจการบริษัท โมเดอร์นโฮม ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่
ปลายปี 2546 และดำเนินการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เค. ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และเปลี่ยนชื่อย่อ
ในการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็น “ KC”
เมื่อเดือนมีนาคม 2547 บริษัทฯ ได้ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 525 ล้านบาท เพื่อจัดสรร
หุ้น (Right Offering) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 52.5 ล้านหุ้น ทำให้บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น
875 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญทั้งสิ้น 87.5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ต่อมา เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม
2547 ศาลล้มละลายกลางได้อนุมัติให้บริษัทฯ ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาภายหลังจากการ
เข้าดำเนินงานของกลุ่มเค.ซี. เริ่มต้นในไตรมาส 4 ของ ปี 2546 และตลอดปี 2547 บริษัทฯ มีรายได้จากการ
ดำเนินงานหลักรวมทั้งสิ้น 132.08 ล้านบาท และ 932.77 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิก่อนรายการพิเศษ
จำนวน 16.51 ล้านบาท และ 223.34 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 12.49 และร้อยละ 23.90
ของรายได้รวม ตามลำดับ และล่าสุดผลการดำเนินงานของไตรมาสแรกปี 2548 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนิน
งานจำนวน 298.23 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 50.48 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16.90 ของรายได้รวม
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด
(มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ”บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
มีความโดดเด่นในฐานะเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ผู้บริหารมีประสบการณ์นานกว่า 20 ปี มีสัมพันธภาพที่ดีกับ
พันธมิตรทางธุรกิจ มีนโยบายที่เน้นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มั่นคง และมีเสถียรภาพ เน้นการประกอบธุรกิจที่มี
ความเกี่ยวเนื่องครอบคลุมตามความต้องการของตลาด การที่บริษัทฯได้เข้าลงทุนในบริษัท โมเดอร์นโฮม
ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และอยู่ระหว่างการดำเนินการ
ฟื้นฟูกิจการในขณะนั้น เนื่องด้วยเล็งเห็นศักยภาพของการเติบโตรวมกับความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหารที่จะดำเนิน
ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่บริษัท เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
ได้ตัดสินใจนำบริษัทกลับเข้าทำการซื้อขายในหมวดอสังหาริมทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงนี้ โดยมีความมั่นใจ
ในศักยภาพของคณะผู้บริหารและทีมงานทุกคน และเชื่อว่าจะเป็นบริษัทที่น่าลงทุนและน่าสนใจเมื่อเปิดเสนอขายหุ้น
สามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป โดยคาดว่าจะเสนอขายภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยในการนำเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน
ในครั้งนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 45 ล้านหุ้น ซึ่งรวมส่วนของหุ้นจัดสรรส่วนเกิน (Greenshoe Option) จำนวน 5
ล้านหุ้น หลังการเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 1,075 ล้านบาท ไม่รวมการจัดสรรหุ้น
ส่วนเกิน โดยกลุ่มคุณอภิสิทธิ์ งามอัจฉริยะกุล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ถือหุ้นร้อยละ 44.55”
ประวัติบริษัท
บริษัทฯ มีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องภายใต้การบริหารงานของบริษัทในกลุ่ม
เค.ซี. ซึ่งก่อตั้งโดย คุณอภิสิทธิ์ งามอัจฉริยะกุล โดยเริ่มต้นจากการขายวัสดุก่อสร้าง สินค้าหลัก คือ
แผ่นไม้อัด พร้อมกับได้มีการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ขาย และก้าวเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจังใน
ปี 2525 โดยเริ่มโครงการทาวน์เฮาส์ระดับราคาปานกลาง ย่านคล่องจั่น ถนนสุขาภิบาล 1 ซึ่งได้รับการตอบ
สนองเป็นอย่างดี โดยสามารถพัฒนาและขายโครงการ “คลองจั่นวิลล่า” ได้ถึง 7 โครงการ จากความ
สำเร็จที่ได้รับในปี 2531 จึงได้เปลี่ยนชื่อจาก “คลองจั่นวิลล่า” มาเป็น “เค.ซี.กรุ๊ป”
บริษัท เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) เดิมชื่อบริษัท โมเดอร์นโฮม ดีเวลลอป-
เม้นท์ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2530 ภายใต้ชื่อ บริษัท เอ็ม เฮ้าส์ซิ่ง ซัพพลายส์ จำกัด
และได้เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2536 ซึ่งเดิมประกอบ
ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเน้นโครงการคอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงานเป็นหลัก แต่เนื่องด้วย
สภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการประกอบธุรกิจ และการเปลี่ยนแปลงมาตรการทางการเงิน โดยการ
ลดค่าเงินบาทตั้งแต่ปี 2540 ส่งผลให้บริษัท ฯ มีภาระหนี้สินท่วมท้นและต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
โดยศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งฟื้นฟูกิจการในเดือนกันยายน 2543 และมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการของ
บริษัทฯ (แผนฯ) เมื่อในเดือน กันยายน 2544 โดยแต่งตั้งบริษัท โมเดอร์นโฮม แพลนเนอร์ จำกัด เป็น
ผู้บริหารแผนฯ ของบริษัท ฯ ได้ชำระหนี้และดำเนินการฟื้นฟูกิจการตามแผนมาโดยตลอด ในเดือนตุลาคม 2546
ได้มีกลุ่มนักลงทุนรายใหม่คือ กลุ่ม เค.ซี. เข้ามาลงทุนในบริษัทฯ เป็นสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 74.99 โดยการ
โอนสินทรัพย์โครงการเข้ามาในบริษัทฯ และได้เริ่มเข้ามาบริหารกิจการในบริษัทฯ ตั้งแต่ปลายปี 2546 เป็นต้นมา
จากนั้นในเดือนมกราคม 2547 บริษัทฯ ได้ดำเนินการเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก บริษัท โมเดอร์นโฮม ดีเวลลอปเม้นท์
จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และเปลี่ยนชื่อย่อในการซื้อขายหุ้นใน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็น “KC” บริษัทฯ ได้รับอนุมัติจากศาลล้มละลายกลางให้ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2547
กลุ่ม เค.ซี. ก่อตั้งโดยคุณอภิสิทธิ์ งามอัจฉริยะกุล เริ่มต้นจากการค้าวัสดุก่อสร้าง พร้อมกับได้มี
การก่อสร้างอาคารพาณิชย์เพื่อขาย และก้าวเข้าสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจังในปี 2525 โดยเริ่ม
จาการพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์ระดับปานกลาง ย่านคลองจั่น ถนนสุขาภิบาล 1 บริษัทฯ ได้เริ่มเปิดขาย
โครงการอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปี 2526 เรื่อยมา โดยมีโครงการที่ได้ดำเนินการบริหารภายใต้บริษัทในกลุ่ม
เค.ซี. ซึ่ง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548 กลุ่มบริษัทฯ มีโครงการทั้งที่ดำเนินการบริหารภายใต้บริษัทฯ
รวมทั้งโครงการรับจ้างก่อสร้างและโครงสร้างร่วมลงทุนทั้งสิ้น 18 โครงการ จำนวน 4,990 ยูนิต คิดเป็น
มูลค่ารวม 10,543 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงสินทรัพย์โครงการจากกลุ่มบริษัท เค.ซี. ซึ่งได้รับโอนเข้ามาเพื่อพัฒนา
ในบริษัทฯ ระหว่างเดือนตุลาคม 2546 ถึง กันยายน 2547ที่ผ่านมา จำนวน 8 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม
1,726 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัท ฯ มีบริษัทย่อยจำนวน 1 แห่ง ที่บริษัทฯ ถือหุ้นโดยบริษัทฯ จำนวนร้อยละ 99.99
ได้แก่ บริษัทโมเดอร์น สตรีท จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจบริหารอสังหาริมทรัพย์สาธารณูปโภคส่วนกลางของโครงการ
อสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ
ปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 875 ล้านบาท ซึ่งหลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน
40 ล้านหุ้น และหุ้นส่วนเกินอีก 5 ล้านหุ้น (พาร์ 5 บาท) บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพิ่มเป็น
1,100 ล้านบาท โดยสัดส่วนการถือหุ้นหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจะเป็นกลุ่มงามอัจฉริยะกุล 44.2 %
กลุ่มเดชวรภัทร 5.3 % ผู้ถือหุ้นเดิมรายอื่น ๆ 30.1% และนักลงทุนรายใหม่ 20.5 %
ประเภทธุรกิจ
บริษัทฯ ประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในลักษณะโครงการบ้านเดี่ยว และโครงการ
ทาวน์เฮ้าส์ โดยมีโครงการหลัก ๆ ที่บริษัทฯ กำลังดำเนินการรวมถึงโครงการในอนาคตภายใต้ชื่อดังต่อไปนี้
1. โครงการบ้านเดี่ยว คือ เค.ซี.การ์เด้นโฮม เค.ซี.เลควิว โซน A-E เค.ซี.เนเชอรัลวิลล์
รามคำแหง เค.ซี.เนเชอรัลวิลล์ บางนา-เทพารักษ์ เค.ซี.เนเชอรัลวิลล์ ร่มเกล้า เค.ซี.พาร์ควิลล์ 2
เค.ซี.วงแหวนรามอินทรา เค.ซี.พาร์ควิลล์ บางนา-เทพารักษ์ เค.ซี.สุวินทวงศ์ โซน A-D เค.ซี.การ์เด้น
โฮม 18 เค.ซี.การ์เด้นโฮม 19 เค.ซี.การ์เด้นโฮม 20 เค.ซี. พาร์ควิลล์ 3 เค.ซี.กรีนวิลล์ 1 และ
เค.ซี.กรีนวิลล์ 2
2. โครงการทาวน์เฮ้าส์ คือ เค.ซี.รามอินทรา 5, 8 และโครงการเค.ซี.คลัสเตอร์เฮ้าส์
โครงการของบริษัทฯ เกือบทั้งหมดจะอยู่ในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงเทพมหานคร
ได้แก่ เขตคลองสามวา สะพานสูง หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง สุวินทวงศ์ เทพารักษ์ ซึ่งเป็นพื้นที่
บริษัทฯ พัฒนาโครงการมาโดยตลอดกว่า 50 โครงการ ในระยะเวลา 20 ปี และเป็นพื้นที่มีศักยภาพในการ
เติบโตสูงเนื่องจากมีการก่อสร้าง และขยายระบบสาธารณูปโภคอย่างกว้างขวาง เช่น โครงการถนนวงแหวน
รอบนอก ทางหลวงพิเศษกรุงเทพ-ชลบุรี (มอเตอร์เวย์) โครงการทางด่วนขั้นที่ 2 (ศรีรัช) โครงการก่อสร้าง
สนามบินสุวรรณภูมิ
กลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯ เป็นลูกค้าระดับกลาง โดยลูกค้าสามารถเลือกซื้อโครงการได้ 2 ลักษณะ
คือ บ้านสร้างก่อนขาย และบ้านสั่งสร้าง ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดจะเลือกซื้อในลักษณะบ้านสร้างก่อนขาย
และในปัจจุบันผู้บริโภคจะเริ่มจองเมื่อโครงการสำเร็จไปแล้วประมาณร้อยละ 70
ทั้งนี้ธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ
1. โครงการที่ดำเนินการภายใต้บริษัทฯ
โครงการที่ดำเนินการภายใต้บริษัทฯ คือ โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทฯ ดำเนินการพัฒนา
ที่ดินและขายพร้อมสิ่งปลูกสร้าง การรับรู้รายได้ของประเภทธุรกิจนี้ เป็นแบบรับรู้รายได้เมื่อโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
พร้อมที่อยู่อาศัยให้แก่ลูกค้าผู้ซื้อบ้าน
2. โครงการรับจ้างก่อสร้าง
โครงการรับจ้างก่อสร้าง คือ โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทฯ รับจ้างก่อสร้างให้แก่เจ้าของ
ที่ดินซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ซึ่งบริษัทฯ ไม่มีกรรมสิทธิ์ใด ๆ ในที่ดินนั้น ซึ่งบริษัทฯ จะไม่มีนโยบายในการดำเนิน
โครงสร้างธุรกิจดังกล่าวในอนาคตอีกต่อไป อย่างไรก็ตามบริษัทฯ คาดการณ์ว่าสามารถรับรู้รายได้อีกประมาณ
2-3 ปีข้างหน้า สำหรับการรับรู้รายได้ของประเภทธุรกิจนี้ จะเป็นแบบตามอัตราส่วนของงานที่แล้วเสร็จ
(Percentage of Completion) เมื่อที่อยู่อาศัยดังกล่าวถูกขายให้แก่ลูกค้าผู้ซื้อบ้านแล้ว
3. โครงการร่วมลงทุน
โครงการร่วมทุน คือ โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทฯ ร่วมลงทุนกับบริษัทอื่นที่อดีตเคยเป็นบริษัท
ในกลุ่มเค.ซี. แต่ปัจจุบันไม่ได้มีความสัมพันธ์กับบริษัทฯ อีกต่อไปแล้ว และบริษัทฯ เป็นผู้ก่อสร้างโครงการ โดย
โครงการในลักษณะนี้ คือ โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทในกลุ่ม เค.ซี. ดังกล่าวข้างต้น ได้โอนให้แก่เจ้าหนี้
สถาบันการเงินของกลุ่ม เค.ซี. เพื่อชำระหนี้ ต่อมาภายหลัง กลุ่มบริษัทดังกล่าวได้ซื้อสินทรัพย์โครงการดังกล่าว
กลับมาเพื่อพัฒนาต่อ อย่างไรก็ตาม การโอนสิทธิ์ในการซื้อคืนสินทรัพย์โครงการจากกลุ่มบริษัทดังกล่าวให้แก่บริษัทฯ
นั้นไม่สามารถกระทำได้ด้วยติดปัญหาในประเด็นของสัญญาระหว่างกลุ่ม เค.ซี. กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินที่ได้ลงนาม
ไปแล้ว รวมทั้งประเด็นเรื่องใบอนุญาตจัดสรรที่ดินอยู่กับกลุ่ม เค.ซี. ดังกล่าว ทำให้ติดขัดในการโอนเข้ามา
ส่วนการรับรู้รายได้ของประเภทธุรกิจนี้ จะมีลักษณะคล้ายกับแบบที่ 1 โครงการที่ดำเนินการภายใต้บริษัทฯ คือ
รับรู้รายได้เมื่อได้รับชำระเงินจากลูกค้าผู้ซื้อบ้าน และโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้าน
จุดเด่นของบริษัท
1. เนื่องจากเป็นการ Backdoor listing บริษัทฯ มีขาดทุนสะสมทางภาษียกมามูลค่าถึง 2,500
ล้านบาท ที่จะใช้ประโยชน์ได้ในอีก 5 ปี
2. ผู้บริหารมีประสบการณ์ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 20 ปี
3. ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลายทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์
4. ที่ตั้งโครงการของบริษัทครอบคลุมอยู่ใน 3 ใน 5 เขตที่มีการเติบโตสูงที่สุดในแง่การจดทะเบียน
5. มีการบริหารจัดการก่อสร้างและซื้อวัสดุเองซึ่งทำให้สามารถควบคุมคุณภาและต้นทุนได้เป็นอย่างดี
6. มีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราหนี้สินต่อทุนเพียง 0.97 ณ สิ้นไตรมาส 1 2548
โครงสร้างรายได้
ตารางแสดงรายได้แบ่งตามประเภท
ประเภทรายได้ ไตรมาส 1 ปี 2548 ปี 2547 ต.ค.-ธ.ค. 2546
ล้านบาท % ล้านบาท % ล้านบาท %
รายได้การขายอสังหาริมทรัพย์ 168.03 57% 481.58 52% 97.38 74%
รายได้จากการรับจ้างก่อสร้าง 128.10 43% 364.83 39% - 0%
รายได้จากการบริหารโครงการ - 0% 86.37 9% 34.70 26%
รายได้รวม 296.14 100% 932.77 100% 132.08 100%
หมายเหตุ: ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2547 บริษัทฯ ไม่มีรายได้จากการบริหารโครงการ
ตารางแสดงรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์แบ่งตามประเภทบ้าน
ประเภทรายได้ ไตรมาส 1 ปี 2548 ปี 2547 ไตรมาส 4 ปี 2546
ล้านบาท % ล้านบาท % ล้านบาท %
บ้านเดียว 67.43 40% 174.25 36% 54.38 56%
ทาวน์เฮ้าส์ 100.60 60% 307.32 64% 43.00 44%
รายได้รวม 168.03 100% 481.57 100% 97.38 100%
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ.หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
โทร. 02-658-6300 ต่อ 5180 ,7401-2--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ