กรุงเทพฯ--7 ก.พ.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ หรือ TNR ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในไทยและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้แบรนด์ ONETOUCH(TM) และ Niptex(TM) ตั้งเป้าปี 2561 ผลักดันยอดขายโต 20% พร้อมเดินหน้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยจากแบรนด์ ONETOUCH(TM) ด้านผู้บริหารคาดปริมาณและมูลค่าการขายถุงยางอนามัยของ TNR ปี 2560 เติบโตดีกว่าปี 2559 แม้ได้รับผลกระทบจากการแข่งขันในธุรกิจการประมูลและเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในไทยและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้แบรนด์ ONETOUCH(TM) และ Niptex(TM) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายปี 2561 เติบโต 20% ปัจจัยมาจากแผนงานธุรกิจที่มุ่งเป้าเพิ่มยอดขายถุงยางอนามัยและผลิตภัณฑ์เจลหล่อลื่นทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยขยายฐานลูกค้าสำหรับธุรกิจรับจ้างผลิตถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นของลูกค้าในต่างประเทศ เพิ่มความร่วมมือกับลูกค้าเดิมที่มีศักยภาพในการเติบโต และเพิ่มสัดส่วนยอดขายของกลุ่มธุรกิจสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ให้สูงขึ้น โดยมีแผนงานเพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดแบรนด์ ONETOUCH(TM) หลังประสบความสำเร็จในด้านการทำตลาดและสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
ส่วนกลุ่มธุรกิจงานประมูล บริษัทฯ ได้รับสัญญาจ้างผลิตถุงยางอนามัยล็อตใหม่จากองค์กรระหว่างประเทศ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นระยะเวลา 2 ปีและอาจต่อสัญญาได้อีก 2 ปีตามนโยบายขององค์กร ส่งผลดีต่อความมั่นคงของยอดขาย โดยสัญญาใหม่นี้เริ่มการผลิตและส่งมอบสินค้าตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นไป โดยราคาที่ประมูลได้ครั้งนี้ปรับเพิ่มขึ้นจากครั้งที่ผ่านมา นอกจากนี้ TNR ได้วางกลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนและการสต๊อกสินค้า โดยได้ลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในภาคการผลิตและทดแทนการใช้แรงงาน รวมถึงทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำยางพาราล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่อาจผันผวน
"เรามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตที่มั่นคง โดยบริษัทฯ ได้ใช้เวลาในช่วงที่ผ่านมาเจรจากับคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ วางแผนขยายตลาด มองหาโอกาสทางธุรกิจ และศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ ตลอดจนมีการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุน เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาทและราคาวัตถุดิบ" นายอมร กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TNR กล่าวอีกว่า ส่วนภาพรวมการดำเนินงานปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มั่นใจจะสามารถทำยอดขายได้ดีกว่าปีก่อนหน้า แม้จะต้องเผชิญกับปัญหาเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อภาพรวมของธุรกิจที่พึ่งพาการส่งออกในประเทศไทยและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นของธุรกิจการประมูลถุงยางอนามัยในตลาดโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของยอดขาย ส่วนยอดขายสินค้าในประเทศไทยจากผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยแบรนด์ ONETOUCH(TM) มีอัตราการเติบโตที่ดีจากทั้งมูลค่าและปริมาณ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 21.4% ในปี 2559 เป็น 24.3% ในปี 2560 สำหรับตลาดถุงยางอนามัยในประเทศไทย สวนทางกับภาพรวมตลาดถุงยางอนามัยในประเทศที่ชะลอตัว ตามข้อมูลรายงานของนีลเส็น (Nielsen) ขณะเดียวกันในช่วงไตรมาส 4/60 บริษัทฯ ร่วมมือกับพันธมิตรขยายตลาดในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี เนื่องจากมีประชากรจำนวนมากและพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่เลือกใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเพื่อการคุมกำเนิดมากขึ้น ตลอดจนการขยายตลาดในประเทศญี่ปุ่น โดยมีคำสั่งซื้อถุงอนามัยแบบบรรจุกระป๋องจากผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อชั้นนำเพื่อวางจำหน่ายในร้านตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา