กรุงเทพฯ--7 ก.พ.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 02 กุมภาพันธ์ 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,346.10-1,350.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,050 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,950 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG18 อยู่ที่ 20,120 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 120 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,000 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.31 น. ของวันที่ 02/02/61)
แนวโน้มวันที่ 05 กุมภาพันธ์ 2561
ผลจากการลดแผนการซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้ กระทรวงการคลังสหรัฐวางแผนที่จะจัดการประมูลตราสารหนี้ครั้งใหญ่ขึ้น คาดว่า จะเพิ่มขนาดการประมูลพันธบัตรอายุ 2 ปี และ 3 ปีอย่างละ 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า และ อายุ 5 ปี, 7 ปี และ 10 ปี รวมทั้ง 30 ปี โดยเริ่มในเดือนก.พ. อย่างไรก็ตาม ยังคงมีอุปสรรคจากความเสี่ยงในการผิดนัดการชำระหนี้ อาจจะกระตุ้นให้เกิดความเสียหายในตลาดการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐจะสามารถจ่ายตั๋วเงินคลังทั้งหมดของรัฐบาลกลางได้จนถึงเดือนก.พ. เท่านั้น ซึ่งปัญหาเงินงบระมาณและเพดานหนี้ของสหรัฐหลายครั้งที่ผ่านพ้นมาได้อย่างฉิวเฉียดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในการเมืองสหรัฐ ความเสี่ยงดังกล่าวกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเมื่อราคาอ่อนตัวลง ทั้งนี้ คณะกรรมการงบประมาณรัฐบาลกลางที่รับผิดชอบสถานการณ์คลังสหรัฐ ชี้ว่ายอดตัวเลขขาดดุลในปีงบประมาณ 2562 อาจเพิ่มขึ้นไปถึง 1.12 ล้านล้านดอลลาร์สอดคล้องกับผู้เชี่ยวชาญงบประมาณ สแตน คอลเลนเดอร์ คาดไว้ตั้งแต่เดือน ต.ค. ปีที่แล้วว่า การขาดดุลงบประมาณเป็นจำนวนนับล้านๆดอลลาร์ จะกลายเป็นเรื่องปกติในยุคของปธน.ทรัมป์ โดยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเรียกร้องให้สภาคองเกรส ซึ่งพรรคริพับลิกันครองเสียงข้างมาก ปรับเพิ่มเพดานหนี้รัฐบาลกลางสหรัฐ"โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่รัฐบาลจะสามารถจ่ายสวัสดิการและรายจ่ายอื่นๆได้ สำนักงานงบประมาณคองเกรส (CBO) ประเมินว่า เงินสดของกระทรวงการคลังจะหมดลงในช่วงครึ่งแรกของเดือนมี.ค. ขณะที่ก่อนหน้านี้ คาดว่าเงินของกระทรวงการคลังจะหมดลงในช่วงปลายเดือนมี.ค.หรือช่วงต้นเดือนเม.ย แนะนำติดตามการเจรจาร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของสหรัฐรอบใหม่ก่อนที่ที่จะครบกำหนดอายุในวันที่ 8 ก.พ. อาจทำให้เกิดความตึงเครียดในสภาครองเกรส และการปิดหน่วยงานรัฐบาลชั่วคราวหรือ "Government Shutdown" อีกครั้ง ซึ่งความเสี่ยงดังกล่าวส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำ
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมา ไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไร โดยให้เน้นไปที่การเข้าซื้อ ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,331 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,324 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,351 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำเมื่อมีการปรับตัวขึ้นแรงก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมาแรงเช่นกัน โดยนักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,331 (19,700บาท) 1,324 (19,600บาท) 1,313 (19,450บาท)
แนวต้าน 1,351 (20,100บาท) 1,366 (20,300บาท) 1,376 (20,450บาท)
GOLD FUTURES (GFG18)
แนวรับ 1,331 (19,860บาท) 1,324 (19,760บาท) 1,313 (19,590บาท)
แนวต้าน 1,351 (20,170บาท) 1,366 (20,390บาท) 1,376 (20,540บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999