กรุงเทพฯ--7 ก.พ.--นาเดีย-เค
TITLE: MAD FACE FOOD WEEK 2018
LOCATION: โกดังเสริมสุข ท่าเรือเป๊ปซี่ (BTS สะพานตากสิน)
DATE: 2-4 มีนาคม 2018, ศุกร์-อาทิตย์ (15:00น. - 23:00น.)
ENTRY FEE: 100 บาท - ฟรีเครื่องดื่ม 1 แก้ว (อายุต่ำกว่า 18 ปีไม่มีค่าใช้จ่าย)
www.madfacefoodweek.com
www.facebook.com/MadFaceFoodWeek/
เกี่ยวกับ MAD FACE
MAD FACE ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่การทำสีหน้าพิเรนทร์อย่างที่คนทั่วไปเข้าใจกัน แต่เราต้องการสื่อให้เห็นถึงอาการและปฏิกิริยาของมนุษย์เมื่อตอบสนองต่อความคลั่งไคล้และความหลงใหลต่อสิ่งเร้าที่เกินความควบคุมของโสตประสาททั้ง 4 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติอาหารอย่างเอร็ดอร่อยจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ หรือเพียงแค่ได้สูดกลิ่นหอมของเมนูโปรด ก็ทำให้หยุดกลืนน้ำลายไม่ได้ ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นเหล่านี้ทำให้รู้สึกเหมือนกับร่างกายของเราอยู่เหนือความควบคุม ประหนึ่งเสียสติไปชั่วขณะนั่นเอง
เราอาจจะลืมสังเกตตัวเองไปว่า ในขณะที่เราทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยนั้น สีหน้าของเราเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน MAD FACE จึงต้องการชวนทุกคนมาเก็บเกี่ยวช่วงเวลาความสุขเมื่อรับประทานอาหาร ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกฟินในขณะที่กำลังเคี้ยวอาหารคำโปรด หรือแม้แต่การได้มาสัมผัส สูดกลิ่น และรับรู้ถึงรูปรสกลิ่นเสียงของเหล่าอาหารจานโปรดที่ผ่านการคัดสรรอย่างดี ซึ่งทั้งหมดทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า MAD FACE ให้ความสำคัญกับอาหารเป็นอย่างมาก
MAD FACE เป็นการรวมตัวของผู้คร่ำหวอดในวงการอาหาร เพื่อถ่ายทอดความหลงใหลในปรุงอาหาร ผ่านการนำเสนอรูปแบบใหม่ ตามสไตล์ที่ถนัดของแต่ละคน และด้วยความแตกต่างของประสบการณ์ของพ่อครัวแต่ละท่าน ที่มีตั้งแต่เชฟมืออาชีพ ไปจนถึงบล็อกเกอร์อาหารชื่อดัง จึงทำให้เกิดความแปลกใหม่ที่น่าตื่นเต้นของเมนูที่นำมาเสิร์ฟกันในงาน นอกจากนี้ ยังมีการนำสูตรลับดั้งเดิมของพ่อครัวแต่ละท่านมาให้ลองลิ้มรสกันในงานอีกด้วย
งาน MAD FACE ครั้งนี้จึงถือเป็นศูนย์รวมสำหรับผู้ที่รักและหลงใหลในอาหาร มาร่วมกันแชร์ประสบการณ์ผ่านเมนูที่แปลกใหม่ ในบรรยากาศที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
MAD FACE FOOD WEEK เป็นงานอีเว้นท์อาหารที่จัดขึ้นครั้งแรก โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อรวบรวมพ่อครัวและร้านอาหาร ที่จะมาถ่ายทอดเมนูแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน ซึ่งจัดขึ้นทั้งหมด 3 วัน ให้คุณจะได้สัมผัสและลิ้มรสกับความคิดสุดล้ำหรือแม้กระทั่งความแอบบ้านิด ๆ ของแต่ละเมนูอาหารที่นำมาเสิร์ฟภายในงาน โดย MAD FACE FOOD WEEK สนับสนุนให้ผู้ร่วมงานทุก ๆ คน ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ให้ทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านอาหารกันได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ไร้ซึ่งขอบเขต
PROGRAMME
MAD FOOD STALLS
ไฮไลท์หลักของงานอยู่ที่บูธอาหารมากกว่า 30 เจ้าที่ได้ถูกคัดสรรมาแล้วอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเชฟมืออาชีพ ร้านอาหาร คนเกร๋คนมีสไตล์ หรือแม้กระทั่งครอบครัวที่ชื่นชอบการทำอาหาร โดยแต่ละเจ้าจะนำเสนอเมนูพิเศษสูตรต้นตระกูลกินกันในครอบครัว หรือเมนูคิดค้นใหม่ที่ไม่เคยเสิร์ฟที่ไหนมาก่อน อีกทั้งบูธอาหารจะถูกตกแต่งเป็นพิเศษเพื่อให้เจ้าของบูธได้แสดงความบ้ากิน และแสดงตัวตนของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่
SCREENING ROOM & PRIVATE DINNER
ในช่วงเวลากลางวัน ระหว่างเวลา 15:00 น. - 18:00 น. จะมีการฉายหนังสั้นและวีดีโอต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอาหาร และสำหรับช่วงเวลากลางคืน ตั้งแต่เวลา 19.00 น.เป็นต้นไป ห้องฉายหนังจะถูกเปลี่ยนเป็นห้องทานอาหารส่วนตัว และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ อาหารเย็นของทุก ๆ วัน ในห้องทานอาหารส่วนตัว จะมีคอนเซ็ปที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ทุก ๆ มื้อนั้นเป็นมื้อพิเศษไม่เหมือนใคร เป็นประสบการณ์หนึ่งเดียวที่น่าจดจำอย่างแน่นอน
เชฟสำหรับมื้ออาหารเย็นพิเศษ
1) เชฟ โจ๊ก ไพโรจน์ จาก 7 SPOONS – ศุกร์ 2 มีนาคม สนับสนุนโดย Chang
2) Chef ท็อป รัสเซล จาก FREEBIRD – เสาร์ 3 มีนาคม สนับสนุนโดย Made By Legacy
3) Chef การิมา อะโรล่า จาก GAA – อาทิตย์ 4 มีนาคม สนับสนุนโดย BK Magazine
POP-UP RESTAURANTS
ตลอดทั้ง 3 วัน จะได้พบกับ MAD FACE-OFF โดยจะเป็นการแบ่งทีมที่รวมเชฟ นักชงค็อกเทล นักชิมและบุคคลต่าง ๆ จากวงการอาหารเข้ามาอยู่ด้วยกัน และเมื่อกลุ่มคนที่มี Passion มุมมอง รวมถึงประสบการณ์ในการทำอาหารที่แตกต่างกัน เข้ามาอยู่ด้วยกันเพื่อคิดค้นสูตรอาหารพิเศษ ความสนุกจึงบังเกิด ผ่านการทำเมนูอาหารแปลกใหม่ภายในงาน ที่ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อนอย่างแน่นอน
ในส่วนของร้านอาหารจะถูกจัดขึ้นเป็นรูปแบบ "pop-up" ให้ทุกคนสามารถลิ้มลองได้ โดยทีม pop-up ทั้งสองทีมที่จะมาโชว์เคสอาหารใน MAD FACE FOOD WEEK ครั้งนี้ได้แก่
1) Big Boys of Downtown
แจร์เร็ต วิสลีย์ (Appia, Peppina, Soul Food) และ เปาโล วิตตาเล็ตตี (Appia, Peppina), เป็นแรงผลักดันสำคัญต่อร้านอาหารในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา เขาทั้งสองได้คิดค้นสูตรอาหารจานเด็ดอย่าง Porchetta Rolls จนกลายมาเป็นซิกเนเจอร์ประจำตัว ทำให้ร้านของเขาอย่าง Appia มีแฟนๆนักชิมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อาหารแนว Italian Comfort ของเขาไม่ว่าจะเป็นจานเนื้อ พาสต้า หรือพิซซ่าสไตล์ Neapolitan ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำหรับนักชิมตัวยงทั้งหลาย ที่ต้องฝ่ารถติดบริเวณสุขุมวิทและทองหล่อเพื่อมาลิ้มลองอาหารที่ร้านของเขาให้ได้
สำหรับ MAD FACE pop-up เชฟทั้งสองคนจะโดนท้าดวลแบบ "Appia Guest List" ที่ทุก ๆ อย่างจะต้องใช้ไหวพริบและการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า โดยเชฟที่จะมาทำงานเป็นทีมด้วยกัน รวมไปถึงวัตถุดิบที่จะนำมารังสรรค์เป็นเมนูนั้นจะถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับจนกระทั่งก่อนการแข่งขัน ด้วยแท็กไลน์โดนใจอย่าง" When chefs make a mess" pop-up ครั้งนี้จะต้องมันและน่าติดตามอย่างแน่นอน
สำหรับเครื่องดื่มที่จะนำมาเสิร์ฟที่ Downtown pop-up นั้นจะเป็นค็อกเทลที่คิดค้นสูตรร่วมกันระหว่างทีม Q&A และ Tropic City งานนี้นอกจากอาหารจานพิเศษที่ไม่เคยพบที่ไหนแล้ว ยังมีค็อกเทลสูตรพิเศษที่พร้อมเสิร์ฟในงานอีกด้วย
2) Old Town Revivalists
สำหรับอีกทีมนั้นเป็นเจ้าถิ่นรอบนอกใจกลางกรุงเทพฯ เชฟเหล่านี้เป็นผู้สร้างชื่อเสียงให้แถบกรุงเก่าของกรุงเทพฯให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยเชฟ โจ จันทราเกตุ (80/20), แวน โรจน์ตันตณา (Rarb), หนุ่ม ตรีญาเสนาวัฒน์ (Samuay & Sons), และ แบล็ค บุญสุวรรณ (Blackitch) เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม F*cking Chefs ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มเชฟที่มีสไตล์โดดเด่น กล้าทดลองใช้เทคนิคและวัตถุดิบต่าง ๆ มากที่สุดในกรุงเทพฯเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าแนวอาหารของพวกเขาจะมีความหลากหลาย แต่สิ่งที่เหมือนกันในหลายๆเมนูนั้นคือการไม่ลืมรสชาติและวัตถุดิบที่บ่งบอกเอกลักษณ์ความเป็นไทย โดยดึงเอาจุดเด่นและรสชาติอาหารของแต่ละภาคมาประยุกต์ได้อย่างมีเสน่ห์และน่าสนใจ อีกทั้งยังใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลที่หาได้ง่ายในเมืองไทยอีกด้วย
สำหรับ MAD FACE pop-up ทีมกรุงเก่าจะร่วมมือกับ ชารีย์ บุญญวินิจ เจ้าของฟาร์มสุดฮิปใจกลางเมืองอย่าง Uncle Ree's Farm โดยเหล่าเชฟจะคัดสรรวัตถุดิบจากฟาร์มมาใช้เป็นส่วนประกอบอาหาร นอกจากนั้นแล้ว pop-up ของเหล่าพ่อครัวครั้งนี้ ยังเป็นการประกอบอาหารโดยมุ่งมั่นให้มีของเหลือใช้น้อยที่สุด โดยชารีย์ได้นำเทคนิค composing หรือการสลายวัตถุดิบด้วยวิธีการทางธรรมชาติเข้ามาประยุกต์ใช้ที่ pop-up อีกด้วย
ดังนั้นไม่ว่าจะต้องการลิ้มลองอาหารแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร หรือสนใจจะทานอาหารรสชาติที่คุ้นเคย ก็สามารถมาได้ที่งานนี้ตลอดทั้ง 3 วัน ผ่านเมนูที่รังสรรค์มาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
ในส่วนของบาร์สำหรับ Old Town Revivalists เตรียมพร้อมที่จะดื่มจินเป็นว่าเล่น ไปกับบาร์สุดคูลอย่าง Teens of Thailand และ Asia Today ผู้ทำให้ชีวิตกลางคืนของกรุงเทพฯเก่านั้นน่าสนใจมากกว่าเดิม
MUSIC
นอกจากอาหารและเครื่องดื่มรสชาติดีแล้ว เตรียมพบกับเสียงดนตรีเคล้าไปในงาน MAD FACE จากศิลปินหน้าใหม่และเก่า ทั้งไทยและเทศ ผู้ยกระดับวงการดนตรีในกรุงเทพฯ ไปอีกขั้น โดยร้านอาหาร pop-up ทั้งสองร้านนี้ จะมีดีเจช่วยเติมเต็มบรรยากาศเฉพาะของแต่ละ pop-up ให้คุณเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น โดยทีม Downtown นั้นจะประกอบอาหารเคล้าไปกับเสียงเพลงอย่าง jazz, hip hop, funk, house and old-school rock ในขณะที่ทีม Old Town จะมีเสียงเพลงอย่าง stream blues, reggae, dub sounds และ world music เคล้าไปกับบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร มาร่วมร้อง เล่นและเต้นไปกับวงดนตรีสดและดีเจสุดมัน ตั้งแต่บ่ายแก่ ๆ เป็นต้นไป