กรุงเทพฯ--9 ก.พ.--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ ติดตามเกษตรกรและผู้สนใจที่ผ่านการอบรมจากศูนย์อำนวยการโครงการพัฒนาตามพระราชดำริ อำเภอสันป่าตอง ปี 2560 เผย สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปถ่ายทอดและปรับใช้ได้จริง ผลผลิตได้คุณภาพ ช่วยเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายในครัวเรือน หนุนภาครัฐดำเนินงานต่อเนื่อง ขยายเป้าหมายโครงการไปสู่พื้นที่ใกล้เคียงต่อไป
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลการประเมินผู้ผ่านการอบรมจากศูนย์อำนวยการโครงการพัฒนาตามพระราชดำริ อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ปีงบประมาณ 2560 ซึ่งจากการติดตามของ สศท.1 พบว่า ปีงบประมาณ 2560 มีการจัดอบรมให้ความรู้ด้านการเกษตรต่างๆ ได้แก่ เทคโนโลยีการผลิตลำไยที่เหมาะสม การเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก การมีส่วนร่วมของคนในชุมชน การจัดทำบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว การผลิตพืชผักปลอดภัยตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง การถนอมอาหาร และการพัฒนาการเกษตรสู่ระบบเกษตรอินทรีย์
การดำเนินงานปีงบประมาณ 2560 มีเกษตรกรและผู้สนใจ จำนวน 554 ราย ซึ่ง สศท.1 ได้ติดตามและสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างผู้ผ่านการอบรม พบว่า ภายหลังการอบรม ผู้ผ่านการอบรมร้อยละ 77 มีการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ และร้อยละ 63 มีรายจ่ายลดลง เช่น จากการผลิตปุ๋ยอินทรีย์/น้ำหมัก/สารชีวภัณฑ์ใช้เอง จากการปลูกผักอินทรีย์ และการเลี้ยงปลาไว้บริโภคในครัวเรือน รวมถึงการปรับแนวคิดสู่เศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้นจากผลผลิตลำไยมีคุณภาพดีขึ้น จากการดูแลรักษาและตัดแต่งกิ่งลำไยที่เหมาะสม การขายผักอินทรีย์และปลาที่เหลือจากการบริโภคในครัวเรือน
ด้านสังคม มีการรวมกลุ่มภายหลังจากการฝึกอบรมร้อยละ 52 และผู้ผ่านการอบรมมีการถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับให้แก่บุคคลอื่น เช่น เพื่อนบ้าน ญาติ และผู้ปกครอง ทั้งนี้ ยังพบว่าแปลงเกษตรมีการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และผู้ผ่านการอบรมส่วนใหญ่จะยังคงนำความรู้ไปปฏิบัติต่อเนื่องในอนาคต
อย่างไรก็ตาม พบว่า มีผู้ผ่านการอบรมบางส่วนที่ยังไม่ได้นำความรู้ ไปปฏิบัติ ซึ่งยังประสบปัญหา เช่น อายุมาก ขาดเงินทุน ไม่ได้ทำเกษตรเป็นอาชีพหลัก พื้นที่จำกัด และให้ผู้อื่นเช่าที่ดินทำการเกษตร ดังนั้น ในการจัดฝึกอบรมครั้งต่อไป ศูนย์ฯ ควรคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายผู้เข้าอบรมที่มีความพร้อมในการนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์เป็นลำดับแรก และควรพิจารณาความเหมาะสมของกิจกรรมการอบรมตามความต้องการของเกษตรกร และขยายผลพื้นที่เป้าหมายโครงการไปสู่พื้นที่อื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง
ด้าน นายธวัชชัย เดชาเชษฐ์ ผู้อำนวยการ สศท.1 กล่าวเสริมว่า เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2561 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการโครงการพัฒนาตามพระราชดำริ ในการนี้ ทรงมีพระราชดำรัสว่า การดำเนินการของศูนย์ฯ เป็นไปตามพระราชประสงค์ที่จะให้เกษตรกรรายย่อยได้รับการศึกษา การฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม
ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการโครงการพัฒนาตามพระราชดำริ เดิมในปี 2522 เป็นสถานีใช้ในการพักเตรียมอุปกรณ์และกล้าไม้เพื่อใช้ปฏิบัติงานในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ต่อมาได้จัดตั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้ทางด้านการเกษตรเชิงบูรณาการโดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และดำเนินการส่งเสริมและฝึกอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรและประชาชนทั่วไป ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีผู้เข้ามาเยี่ยมชมและศึกษาดูงานจากศูนย์ฯ ไปแล้วมากกว่า 23,000 ราย โดยปัจจุบัน ศูนย์ฯ มีความพร้อมในการให้ความรู้ด้านการเกษตรโดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งหน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานด้านการให้ความรู้แก่เกษตรกรของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป