กรุงเทพฯ--18 ก.ย.--ซีพีเอฟ
ซีพีเอฟ ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะภาวะพลิกฟื้นของธุรกิจในครึ่งปีหลัง และกลยุทธ์การลงทุนในต่างประเทศที่เริ่มส่งผลตามที่คาด
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานผู้บริหาร บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า จากการเข้าร่วมงานไทยแลนด์โฟกัสที่เพิ่งจบไป ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ภัทรฯ จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์ประเทศไทยและบริษัทจดทะเบียน พบว่า มีผู้ลงทุนจากกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ความสนใจซีพีเอฟเป็นจำนวนมากตลอดทั้ง 3 วัน ถึงกว่า 30 กองทุน
นายอดิเรก กล่าวว่า ประเด็นที่กองทุนให้ความสนใจซีพีเอฟมากเป็นพิเศษ คือ กลยุทธ์การเข้าไปลงทุนในประเทศต่างๆ ที่มีศักยภาพ ได้เริ่มส่งผลตามที่ซีพีเอฟคาดหวังไว้ และนับจากนี้ไปจะเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันการเจริญเติบโตของธุรกิจโดยรวมของบริษัทด้วย ทั้งนี้ คาดว่ารายได้ส่วนนี้ ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า น่าจะมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณร้อยละ 20 ของรายได้รวมเป็นอย่างน้อย
นอกจากนี้แล้ว ยังมีภาวะราคาเนื้อสัตว์ทั่วโลก และในประเทศไทย ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจาก ณ ปัจจุบันธุรกิจอาหารจากเนื้อสัตว์ ได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก ซึ่งในท้ายที่สุด จะส่งผลให้ราคาเนื้อสัตว์ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นจากในอดีตตามต้นทุนที่สูงขึ้น
นายอดิเรก กล่าวอีกว่า บริษัทมั่นใจว่าปัญหาและอุปสรรคในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาได้ผ่านพ้นไปแล้ว และสถานการณ์ต่างๆ ก็ดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก แม้ว่าภาวะการบริโภคภายในประเทศจะยังคงทรงตัวอยู่ แต่ภาวะราคาเนื้อสัตว์ในประเทศไทยก็ปรับตัวสูงขึ้นกว่าต้นทุนการผลิตแล้ว เนื่องมาจากภาวะผลผลิตที่หดตัวลง
ซีพีเอฟมั่นใจว่า ธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง จะพลิกฟื้นกลับมามีกำไร และจะส่งผลดีต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ด้วยกลยุทธ์หลักในการขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพ การผลักดันการส่งออกจากประเทศไทย การมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าปรุงสุกพร้อมรับประทาน และการสร้างตราสินค้าให้เป็นที่รู้จักอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อมั่นว่ารายได้ของซีพีเอฟในปีนี้จะเติบโตได้ถึงร้อยละ 10 แน่นอน นายอดิเรก กล่าว
สำนักสารนิเทศ ซีพีเอฟ
โทรศัพท์ 0-2625-7344-5, 0-2631-0641, 0-2638-2713