กรุงเทพฯ--12 ก.พ.--พีอาร์ดีดี
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานภายใต้การบริหารของ บลจ.ไทยพาณิชย์ สำหรับการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2560 ว่ามีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจและยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนที่มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงานซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดี มีผลการดำเนินงานดีเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยกองทุนที่มีการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นมากกว่าไตรมาสก่อนหน้า คือ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท (CPNCG) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แสนสิริ ไพร์มออฟฟิศ (SIRIP) โดยในปีที่ผ่านมาสินทรัพย์ประเภทดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้เช่ารายใหม่หรือผู้เช่ารายเดิมที่ต้องการขยายพื้นที่เช่า ส่งผลให้อัตราการเช่าและอัตราค่าเช่าเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัล (DIF) มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีและไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากการปรับขึ้นค่าเช่าที่ได้รับจากผู้เช่าหลักและรายได้เพิ่มจากการให้บริการผู้เช่ารายอื่น นอกเหนือจากกลุ่ม บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น รวมถึงรายได้เพิ่มจากทรัพย์สินที่กองทุนเข้าลงทุนเพิ่มเติมในเดือนพฤศจิกายน 2560
โดยบริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลและจ่ายเงินลดทุนสำหรับผลการดำเนินงานในช่วงเวลาดังกล่าวให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนรวมทั้งสิ้น 7 กองทุน รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 370 ล้านบาท ในวันที่ 2 มีนาคม 2561 นี้ ประกอบด้วยกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม 1 กองทุน คือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.2450 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายปันผล 3.8154 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557)
กองทุนอสังหาฯ ประเภทอาคารสำนักงาน จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท (CPNCG) ที่ลงทุนในอาคารสำนักงาน ดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.2472 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายเงินปันผล 4.5578 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2556) กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ (POPF) ที่ลงทุนในอาคารสมัชชาวานิช 2 อาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ และอาคารบางนา ทาวเวอร์ จะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.2100 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายเงินปันผล 6.8931 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2554) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แสนสิริ ไพร์มออฟฟิศ (SIRIP) ลงทุนกรรมสิทธิ์ในโครงการอาคารสิริภิญโญ จะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.1550 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายเงินปันผล 2.2247 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2557)
กองทุนอสังหาฯ ประเภทโรงงานและคลังสินค้า จำนวน 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PPF) จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.1718 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายเงินปันผล 2.7973 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2557)
นอกจากนี้ยังกองทุนอสังหาฯ ประเภทคอมมิวนิตี้มอลล์ คือ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์คริสตัล รีเทล โกรท (CRYSTAL) ที่ลงทุนในโครงการเดอะ คริสตัล (The Crystal) และโครงการคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC) จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.1447 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายเงินปันผล 3.4454 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2556) และมีการจ่ายเงินลดทุน 0.0363 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นการจ่ายคืนสภาพคล่องส่วนเกินเป็นจำนวน 14,157,000 บาท จากกรณีที่กองทุนได้มีการรับรู้รายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากการลดลงของการสอบทานมูลค่าอสังหาริมทรัพย์
และกองทุนอสังหาฯ ประเภทโรงแรม 1 กองทุน คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอราวัณ โฮเทล โกรท (ERWPF) ที่ลงทุนในโรงแรมไอบิส ป่าตอง และโรงแรมไอบิส พัทยา เป็นการจ่ายเงินลดทุนในอัตรา0.1330 บาทต่อหน่วยซึ่งเป็นการจ่ายคืนสภาพคล่องส่วนเกินเป็นจำนวน 23,421,300 บาท จากกรณีที่กองทุนได้มีการรับรู้รายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากการลดลงของการสอบทานมูลค่าอสังหาริมทรัพย์