กรุงเทพฯ--24 ต.ค.--ไซแมท เทคโนโลยี
"ไซแมท เทคโนโลยี" มั่นใจหุ้น IPO จำนวน 18.75 ล้านหุ้น ที่จะเปิดขายปลายเดือน พ.ย.นี้ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนล้นหลามแน่ เหตุธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มซอฟต์แวร์ และ RFID ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดโลก ส่วนที่ปรึกษาฯ ย้ำทิศทางตลาดหุ้นยังเป็นขาขึ้นเชื่อกระตุ้นให้หุ้นไอพีโอได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกทาง
นายรณภูมิ สุวิริยะกุลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เป็น ผู้ให้บริการจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่และพัฒนาโปรแกรมการใช้งานคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่แบบครบวงจร (Integrated MobileComputing Solution Provider) สำหรับระบบการจัดเก็บและจัดการข้อมูลในองค์กร (Enterprise Data Collection and CollationSystem: “EDCCS”) ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบการบริหารจัดการทรัพยากรในองค์กร (Enterprise Resource Planning: “ERP”) ของบริษัทลูกค้า ซึ่งทำให้รับข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน (Real time) และมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้นโดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือบริษัทเอกชนที่ประกอบธุรกิจค้าปลีก คลังสินค้า ธุรกิจขนส่ง ธุรกิจการผลิต รวมถึงภาครัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ กล่าวถึงหุ้นสามัญเพิ่มทุนซึ่งคาดว่าจะเปิดขายให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 18.75 ล้านหุ้นในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ น่าจะได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี เนื่องจากปัจจุบันตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ตลาดไอที ซึ่งเป็นตลาดที่บริษัทฯประกอบธุรกิจโดยตรง มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเอื้อให้ธุรกิจและรายได้ของบริษัทเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ ในปี 2550 ตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศ คาดว่าจะขยายตัวในอัตราร้อยละ 13 และตลาดที่มีการขยายตัวมากที่สุดจะเป็นตลาดซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะระบบ EDCCS ซึ่งบริษัทให้บริการในปัจจุบันคือระบบการบันทึกและการประมวลผลข้อมูลด้วยเทคโนโลยีรหัสแท่งหรือบาร์โค้ด (Barcode Technologies) และระบบ Radio Frequency Identification (“RFID”) หรือเทคโนโลยีไร้สายที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุในการระบุลักษณะเฉพาะของวัตถุแต่ละชิ้น กำลังมีแนวโน้มการขยายตัวอย่างรวดเร็วในตลาดโลก โดยคาดว่าจะมีการเติบโตเฉลี่ยจากปี 2549 — 2551 ประมาณร้อยละ 33 ซึ่งสร้างโอกาสในการเติบโตให้กับบริษัทเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาตลาดของระบบดังกล่าว
ขณะเดียวกันการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท ก็ส่งผลให้บริษัทมีแนวโน้มการเติบโตสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกันด้วย โดยคาดว่าอัตราการเติบโตของภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในครึ่งปีหลังของปี 2550 จะอยู่ที่ร้อยละ 2-5 ในขณะที่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ มีการขยายสาขาอย่างรวดเร็ว โดย ณ สิ้นปี 2549 และ 2550 คาดว่าอัตราการขยายสาขาจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 18 และร้อยละ 14 ตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทฯยังมุ่งขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง เติบโตเร็วและมีงบประมาณลงทุนในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีค่อนข้างมาก เนื่องจากมองว่าการแข่งขันใน
ธุรกิจที่สูงขึ้น ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องเร่งปรับตัวเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้าช่วยในการบริหารจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและลดต้นทุน
พร้อมกันนี้อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ยังได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (SIPA) โดยให้มีการขยายฐานการผลิตเพื่อใช้เองอย่างเพียงพอในประเทศและส่งออกยังต่างประเทศได้ในปี 2553 โดยเทคโนโลยี RFID จัดเป็นกลุ่มที่ SIPA เร่งดำเนินการสนับสนุนให้มีการปรับใช้ในประเทศไทยมากขึ้นอยู่ในปัจจุบัน และประการสำคัญ เงินที่ได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนในครั้งแรก (IPO) ในครั้งนี้ บริษัทฯจะนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการของบริษัท รองรับโอกาสทางธุรกิจที่กำลังจะมาถึง ทำให้สามารถขยายธุรกิจได้อย่างคล่องตัว
นายวิชา โตมานะ Head of Investment Banking บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.ไซแมท เทคโนโลยี คาดว่าจะสามารถเปิดให้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนกับประชาชนทั่วไปได้ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน ถึงช่วงต้นเดือนธันวาคม 2550 นี้ และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจาก นักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง ประกอบกับสภาพการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ยังเป็นทิศทางขาขึ้น คาดว่าจะเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นความสนใจจากนักลงทุนได้เป็นอย่างดี
บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เตรียมเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนจำนวน 18.75 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25 ของทุนชำระแล้ว ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 75 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 75 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาทเป็นทุนที่ชำระแล้ว 56.25 ล้านบาท โดยมี Grand-Flo กลุ่มมานะศิลปพันธ์ และนายรณภูมิ สุวิริยะกุลชัย ถือหุ้นร้อยละ 49 ร้อยละ 46 และร้อยละ 5 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วตามลำดับ และ ภายหลังจากที่เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนแล้ว สัดส่วนการถือหุ้นของ Grand-Flo กลุ่มมานะศิลปพันธ์ และนายรณภูมิ สุวิริยะกุลชัย จะเท่ากับร้อยละ 36.75 ร้อยละ 34.50 และ ร้อยละ 3.75 ตามลำดับ
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
นายวิชา โตมานะ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
โทร. 02-635-1622