สปส.เตือนนายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายประกันสังคม

ข่าวทั่วไป Tuesday September 25, 2007 11:24 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ก.ย.--สำนักงานประกันสังคม
สำนักงานประกันสังคม ย้ำเตือนนายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป มีหน้าที่ต้องยื่น ขึ้นทะเบียนทั้งส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง จ่ายเงินสมทบให้ถูกต้องครบถ้วน พร้อมทั้งแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงนายจ้างและลูกจ้างภายในระยะเวลาที่กำหนด
นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคมเตือนนายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ต้องยื่นขึ้นทะเบียนนายจ้างและขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน ภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่รับลูกจ้างเข้าทำงาน โดยไม่มีข้อยกเว้นว่า การจ้างงานนั้นจะเป็นช่วงทดลองงาน เพียงนายจ้างยื่นแบบขึ้นทะเบียนนายจ้าง (สปส.1-01) และแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส.1-03) สำหรับผู้ที่ไม่เคยขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนมาก่อนหรือแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส.1-03/1) สำหรับ ผู้ที่เคยขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนแล้ว โดยลูกจ้างจะได้รับความคุ้มครองจากกองทุนเงินทดแทนกรณีประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานและจากกองทุนประกันสังคม 7 กรณี ได้แก่ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ที่ไม่เนื่องจากการทำงาน รวมทั้ง คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน เมื่อขึ้นทะเบียนแล้ว ในส่วนของกองทุนประกันสังคม นายจ้างมีหน้าที่หักเงินสมทบของลูกจ้าง ในอัตรา 5% ของค่าจ้าง และนายจ้างสมทบอีก 5% โดยคำนวณจากค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับ ซึ่งกำหนด จากฐานค่าจ้างเป็นรายเดือนต่ำสุดเดือนละ 1,650 บาท และสูงสุดไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท คิดเป็นเงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 83 บาท และไม่เกินเดือนละ 750 บาท ทั้งนี้รัฐบาลจะออกเงินสมทบเข้ากองทุนอีกส่วนหนึ่ง เมื่อนายจ้างหักเงินสมทบแล้ว ต้องนำส่งเงินสมทบให้สำนักงานประกันสังคมทุกเดือนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ซึ่งนายจ้างสามารถนำส่งเงินสมทบด้วยตนเองหรือส่งทางไปรษณีย์ได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ /จังหวัด นอกจากนั้นยังสามารถเลือกชำระเงินผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือสามารถชำระเงินด้วยระบบ e-payment ของธนาคารซิตี้แบงก์ ธนาคารมิซูโฮ คอร์ปอเรต จำกัด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารซูมิโตโม มิตซุย คอร์เปอเรชั่น จำกัด หากนายจ้างไม่ขึ้นทะเบียนหรือไม่นำส่งเงินสมทบ ขอให้ลูกจ้างแจ้งเบาะแสให้สำนักงานประกันสังคมโดยตรงได้ทันที เพียงแจ้งข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานที่ตั้งของสถานประกอบการ และจำนวนลูกจ้างที่มีอยู่ โดยแจ้งมาที่กองตรวจสอบ
หมายเลขโทรศัพท์ 02-956-2580-1 ศูนย์สารนิเทศ หมายเลขโทรศัพท์ 02-956-2545-6 ผู้อำนวยการ ศูนย์สารนิเทศ หมายเลขโทรศัพท์ 089-890-7743 หรือสายด่วน 1506 หรือที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th สำนักงานประกันสังคมจะได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของนายจ้างว่าเป็นจริงตามข้อมูลที่ลูกจ้าง ผู้ประกันตนแจ้งไว้หรือไม่ ในขณะเดียวกันทางสำนักงานประกันสังคมจะไม่เปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลให้กับนายจ้างโดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ สำนักงานประกันสังคมขอให้นายจ้างแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงของนายจ้างและผู้ประกันตน เช่น กรณีลูกจ้างลาออกจากงาน ให้นายจ้างแจ้งสำนักงานประกันสังคมภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป โดยใช้หนังสือแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน (สปส.6-09) พร้อมทั้งระบุสาเหตุการ ออกจากงาน กรณีผู้ประกันตนเปลี่ยนชื่อ — ชื่อสกุลหรือข้อมูลสถานภาพครอบครัว และข้อมูลจำนวนบุตร ให้ใช้หนังสือแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงผู้ประกันตน (สปส. 6-10) สำหรับการแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงนายจ้าง เช่น กรณีเปลี่ยนชื่อกิจการ เปลี่ยนแปลงที่ตั้ง/สาขา หรือยกเลิกกิจการ ฯลฯ ใช้หนังสือแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงนายจ้าง (สปส.6-15) ยื่น ณ สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ทั้งนี้ หากนายจ้างรายใดมีเจตนาไม่แจ้งเป็นหนังสือขอเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขข้อเท็จจริง ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปจากเดือนที่มีการเปลี่ยนแปลง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ศูนย์สารนิเทศ สายด่วน 1506/www.sso.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ