อีเอ็มซีรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามดีเยี่ยมเป็นประวัติการณ์

ข่าวทั่วไป Thursday November 1, 2007 15:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 พ.ย.--พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง
พร้อมเผยรายได้เติบโตอัตราเลข 2 หลักติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 17
อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น (NYSE:EMC) ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีรายได้และกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาสที่สาม นอกจากนี้ธุรกิจของอีเอ็มซียังเติบโตในอัตราเลข 2 หลักเป็นไตรมาสที่ 17 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและได้สมดุลในทุกกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมหลัก
สำหรับรายได้รวมช่วงไตรมาสที่สามของปี 2550 อยู่ที่ 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 17% จากยอดรายได้ 2,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2549 ส่วนกำไรสุทธิตามหลักการบัญชี GAAP ในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2550 อยู่ที่ 492.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 0.23 เหรียญสหรัฐฯต่อหุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้น 77% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 0.13 เหรียญสหรัฐฯต่อหุ้นในช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว กำไรสุทธิตามหลัก GAAP สำหรับไตรมาสที่สามของปี 2550 ครอบคลุมถึงกำไรสุทธิ 115.2 ล้านเหรียฐสหรัฐฯ ซึ่งโดยหลักแล้วเป็นผลมาจากการขายหุ้นของอีเอ็มซีที่ถืออยู่ในบริษัทวีเอ็มแวร์ (VMware) จำนวน 6 ล้านหุ้นให้แก่ซิสโก้ ซีสเต็มส์ ซึ่งหากไม่นับรวมการขายหุ้นดังกล่าวแล้ว กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 377.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 0.17 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสดังกล่าว อีเอ็มซีมีเงินสดหมุนเวียนจากการดำเนินงาน 718 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเงินสดหมุนเวียนอิสระ 475 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 124% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
“การดำเนินกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งทั่วโลก ส่งผลให้เรามีผลประกอบการที่ดีเยี่ยมเป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาสที่สาม” มร.โจ ทุซซี่ ประธานบริษัท ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของอีเอ็มซี กล่าว “ลูกค้าทั่วโลกได้รับประโยชน์จากขอบเขตที่กว้างขวางและคุณภาพที่เป็นเลิศของกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการทางด้านโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ ปกป้อง ปรับปรุง และใช้ประโยชน์จากข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เรามองเห็นโอกาสที่สดใสในตลาดโลก และเราจะผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการผนวกรวมเทคโนโลยีเพิ่มเติมในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ รวมทั้งลงทุนในการวิจัยและพัฒนา และขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ทั่วโลกที่มีการเติบโตเร็วที่สุด”
มร.ทุซซี่ กล่าวเสริมว่า “เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในช่วงไตรมาสดังกล่าวคือ ผลประกอบการรายไตรมาสของวีเอ็มแวร์ และการเสนอขายหุ้นประมาณ 10% ของวีเอ็มแวร์ ทั้งนี้ วีเอ็มแวร์ นอกจากจะเป็นองค์กรธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แล้ว ยังสร้างเทคโนโลยีใหม่ที่พลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง ดังนั้นการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จึงนับเป็นการแบ่งปันคุณประโยชน์ให้แก่ผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ”
ทั้งนี้รายได้จากระบบของอีเอ็มซีเพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคิดเป็น 43% ของรายได้โดยรวมในช่วงไตรมาสที่สาม รายได้จากไลเซนส์ซอฟต์แวร์และการบำรุงรักษาเพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคิดเป็น 41% ของรายได้โดยรวมในช่วงไตรมาสที่สาม รายได้จากบริการระดับผู้เชี่ยวชาญ บริการบำรุงรักษาระบบ และบริการอื่นๆ เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคิดเป็น 16% ของรายได้โดยรวมในช่วงไตรมาสที่สาม
รายได้จากอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคิดเป็น 59% ของรายได้โดยรวมในช่วงไตรมาสที่สาม รายได้จากการดำเนินงานนอกอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยรายได้จากภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา และเอเชีย-แปซิฟิก และญี่ปุ่น เติบโตในอัตราเลข 2 หลัก
“เรามีผลประกอบการที่ดีเยี่ยมในทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วกว่ารายได้ ในขณะที่เงินสดหมุนเวียนอิสระเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว”มร.เดวิด กูลเด้น รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของอีเอ็มซี กล่าว “เรายังคงมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงผลประกอบการในทุกกลุ่มธุรกิจ และเพื่อผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเราได้เพิ่มมูลค่าการซื้อหุ้นคืนจากเดิมที่วางแผนไว้ที่ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากผลประกอบการตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน เราคาดหวังว่าไตรมาสที่สี่ เราจะมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ซึ่งนับว่าเป็นไปตามเป้าหมายด้านการเงินที่เราได้กำหนดไว้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา”
ซึ่งประกอบด้วยระบบจัดเก็บข้อมูล ซอฟต์แวร์การจัดเก็บข้อมูล และการบริการลูกค้าและบริการระดับผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง มีรายได้ 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเป็นผลมาจากความต้องการที่ต่อเนื่องสำหรับระบบจัดเก็บข้อมูลบนเครือข่ายของอีเอ็มซี เช่น CLARiiON และ Celerra รวมถึงการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านการปกป้องข้อมูล เช่น EMC Disk Library สำหรับการสำรองข้อมูลไปยังดิสก์, EMC Avamar สำหรับการขจัดข้อมูลซ้ำซ้อน และ EMC Recoverpoint สำหรับการปกป้องข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่รายได้จากซอฟต์แวร์ EMC Smarts สำหรับการจัดการทรัพยากร และซอฟต์แวร์ EMC Rainfinity สำหรับไฟล์เวอร์ช่วลไลเซชั่น เติบโตในอัตราเลข 2 หลัก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากองค์กรต่างๆ หันมาปรับใช้ไฟล์เวอร์ช่วลไลเซชั่นเพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการและการใช้ประโยชน์จากไฟล์ข้อมูลและระบบไฟล์แบบ Global File System
ส่วนซอฟต์แวร์ EMC Smarts และ EMC NetWorker ได้รับส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้จากลิขสิทธิ์เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอัตราเลขสองหลัก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าลูกค้ามีการปรับใช้กลุ่มผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ของอีเอ็มซีสำหรับการจัดการทรัพยากร รวมทั้งการสำรองและกู้คืนข้อมูลอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาสที่สาม อีเอ็มซีได้ขยายชุดเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลที่มีความหลากหลายที่สุดในอุตสาหกรรม โดยครอบคลุมตั้งแต่ระดับเริ่มต้น ไปจนถึงระดับไฮเอนด์ และช่วยให้องค์กรทุกขนาดสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย เพิ่มความปลอดภัย และปรับปรุงขีดความสามารถในการจัดเก็บข้อมูล
ธุรกิจการจัดการคอนเทนต์และการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว (Archiving) ของอีเอ็มซี มีรายได้เพิ่มขึ้นในอัตราเลข 2 หลัก โดยอยู่ที่ 189 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2549 ส่วนรายได้จากไลเซนส์ใหม่เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสที่สาม อีเอ็มซีได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม Documentum 6 ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของชุดผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการคอนเทนต์ภายในองค์กรของอีเอ็มซี ด้วยการเปิดตัว Documentum 6 อีเอ็มซียังคงนำพาอุตสาหกรรมเข้าสู่ระบบการจัดการคอนเทนต์ภายในองค์กรรุ่นอนาคต โดยเปลี่ยนย้ายจากแพลตฟอร์มแอพพลิเคชั่นที่แยกต่างหาก ไปสู่ระบบที่รวมเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศขององค์กร
รายได้จากระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลของอาร์เอสเอ (RSA) ในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2550 เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับผลประกอบการของบริษัทที่รวมกันเป็นกลุ่มธุรกิจดังกล่าวในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยยอดรายได้อยู่ที่ 133 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยหลักแล้ว การเติบโตนี้เป็นผลมาจากธุรกิจหลักด้านการพิสูจน์ตัวตนของอาร์เอสเอ รวมทั้งแอพพลิเคชั่นที่รองรับลูกค้า และผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการข้อมูลและเหตุการณ์ นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจดังกล่าวยังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในโซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจรสำหรับองค์กรธุรกิจที่กำลังมองหาหนทางในการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการบริหารความเสี่ยงของข้อมูลอย่างครบวงจรทั่วทั้งองค์กร
วีเอ็มแวร์ อิงค์ (NYSE: VMW) ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานแบบเวอร์ช่วลสำหรับระบบที่อ้างอิงมาตรฐานอุตสาหกรรม และอีเอ็มซีเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ มีรายได้ 354 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสที่สาม หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 90% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โปรดดูที่ http://ir.vmware.com สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลประกอบการในไตรมาสที่สามของผู้นำด้านซอฟต์แวร์เวอร์ช่วลไลเซชั่น
ข้อมูลเกี่ยวกับอีเอ็มซี
อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น (NYSE: EMC) เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการพัฒนาและจัดหาโซลูชั่นและเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งช่วยให้องค์กรทุกขนาดปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขันและใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าจากข้อมูลที่มีอยู่ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของอีเอ็มซี คลิกไปที่ www.EMC.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เพลินพิศ ศรีบุรินทร์ 089-160-6185 / จิตาตินันท์ สิงห์คศิริ 081-339-1018
บริษัท พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง จำกัด Tel: 0-2971-3711
E-mail: ploenpid@pa-c.co.th/ jitatinun@pc-a.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ