กรุงเทพฯ--14 ก.พ.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีความเห็นต่อผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่า กนง. มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นับเป็นการลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ครั้งที่ 22 ติดต่อกัน โดยเงินบาทอ่อนค่าลงและซื้อขายอยู่ใกล้ระดับ 31.43 ต่อดอลลาร์ ภายหลังการประชุมของกนง. และมีแนวโน้มจะผันผวนมากขึ้นตามแรงซื้อและขายดอลลาร์สลับกัน นับตั้งแต่ต้นปี 2561 เงินบาทแข็งค่าขึ้น 3.5% หลังจากที่แข็งค่าถึง 9% ในปี 2560
คณะกรรมการกนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้รับแรงส่งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่แนวโน้มการลงทุนภาครัฐและเอกชนมีสัญญาณดีขึ้น และการใช้จ่ายผู้บริโภคกระเตื้องขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปท่ามกลางภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง กนง.ระบุว่าแรงกดดันด้านราคาที่นำโดยราคาน้ำมันน่าจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นได้ แต่ปัจจัยด้านอุปสงค์ยังอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะปรับขึ้นสู่กรอบล่างของช่วงเป้าหมายของทางการที่ 1.0-4.0% ในไตรมาส 2 ของปี 2561 ส่วนการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท คณะกรรมการมองว่า มีความผันผวนสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และมีแนวโน้มผันผวนในระยะต่อไปเนื่องจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายการเงินการคลังของประเทศอุตสาหกรรมหลัก
คณะกรรมการกนง. มีกำหนดการประชุมรอบถัดไปในวันที่ 28 มีนาคม 2561 โดยมุมมองของ กนง. ในวันนี้ ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก และยังย้ำถึงภาวะการเงินโดยรวมอยู่ในระดับผ่อนคลาย ขณะที่สภาพคล่องสูงและอัตราดอกเบี้ยแท้จริงอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ กนง. ย้ำถึงความกังวลในเรื่องความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานานเกินไป ทั้งนี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 โดยรูปแบบการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยภาคส่งออกเป็นหลักในปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มจะก้าวไปสู่การขยายตัวที่กระจายในทุกภาคส่วนมากขึ้นในปีนี้