กรุงเทพฯ--16 ก.พ.--โฟร์พีแอดส์ (96)
คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เห็นชอบให้บรรจุวัคซีนป้องกันโรคฮิบ เป็นวัคซีนพื้นฐาน เข็มเดียวป้องกันได้ 5 โรค คือ คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน ตับอักเสบบี และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ คาดเริ่มใช้ในปี 2562
คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติมีการประชุมครั้งที่ 1/2561 ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาบรรจุวัคซีนใหม่ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค และการยกระดับการบริหารจัดการวัคซีนของประเทศ โดยมีพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม
พลเอกฉัตรชัย กล่าวว่า คณะกรรมการฯ พิจารณาเห็นชอบให้บรรจุวัคซีนป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย "ฮีโมฟีลุส อินฟลูเอนเซ ชนิดบี (Haemophilus influenzae type b)" หรือเรียกสั้นๆ ว่า "ฮิบ" ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคสำหรับเด็กไทย แม้โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อฮิบ พบการป่วยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ปีละประมาณ 200 ราย แต่มีความรุนแรงสูง อัตราการป่วยตายร้อยละ 10
ทั้งนี้ วัคซีนฮิบในรูปแบบวัคซีนรวม 1 เข็ม ป้องกันได้ 5 โรค คือ คอตีบ- บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี-ฮิบ (DTwP-HB-Hib) ฉีด 3 ครั้ง ในเด็กอายุ 2, 4 และ 6 เดือน จะทำให้เด็กไทยที่เกิดใหม่ปีละ 7 แสนคน ปลอดภัยจากโรคฮิบ ซึ่งประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกได้บรรจุและให้บริการวัคซีนฮิบมานานแล้ว พบว่ามีความปลอดภัย ช่วยลดการป่วยและตายได้มาก คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ จึงมีมติเห็นชอบในหลักการให้นำวัคซีนรวมฯ 5 โรคดังกล่าวมาใช้ ทั้งนี้จะเร่งรัดให้มีการดำเนินการให้รวดเร็วขึ้นตามขั้นตอนและกระบวนการ คาดว่าจะสามารถเริ่มให้บริการในต้นปีงบประมาณ 2562 นี้
สำหรับเรื่องการยกระดับการบริหารจัดการวัคซีน นอกจากจะทำให้ประชาชนมีวัคซีนที่จำเป็นใช้อย่างเพียงพอทั้งวัคซีนที่ใช้ในภาวะปกติและฉุกเฉินแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวม และลดการสูญเสียวัคซีนอีกด้วย คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ มีมติเห็นชอบให้มีการจัดซื้อวัคซีนร่วมกันทั้ง 3 หน่วยงาน คือ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กรมควบคุมโรค และกองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ สำหรับวิธีการจัดซื้อวัคซีนแบบหลายปี หรือซื้อจากผู้ผลิตหรือจำหน่ายหลายราย และการสำรองวัคซีนไว้ในคลังผู้ผลิต ให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จัดทำวิธีดำเนินการมาเสนอคณะกรรมการฯ ภายใน 30 วัน โดยการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติครั้งหน้าจะขอประชุมในเดือนมีนาคม โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมด้วย เพื่อมาชี้แจงความก้าวหน้า และอุปสรรคในการดำเนินงานโครงการที่รับผิดชอบ
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ติดตามการดำเนินงานโครงการวาระแห่งชาติด้านวัคซีน การจัดตั้งหน่วยผลิตวัคซีนและชีววัตถุเพื่อการพึ่งตนเองและการสร้างความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศ แผนปฏิบัติการเพื่อรองรับการสร้างความมั่นคงและการพึ่งตนเองด้านวัคซีนในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงผลการประเมินการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับไข้หวัดใหญ่ระบาดใหญ่ และได้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการความร่วมมือในการสนับสนุนการใช้ระบบเตรียมเอกสารตำรับยาแผนปัจจุบัน NVIFDA ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบัน กับ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้ใช้ในการจัดเตรียมเอกสารเพื่อยื่นคำขอขึ้นทะเบียนตำรับยาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ แบบ eCTD ต่อไป