กรุงเทพฯ--19 ก.พ.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
"รมช.วิวัฒน์" หนุนขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ ชู จ.ยโสธร ต้นแบบเกษตรอินทรีย์ของประเทศ พร้อมชวนทุกภาคส่วนร่วมบูรณาการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ในแต่ละจังหวัดผสานการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในพื้นที่อย่างเข้มแข็ง
นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม "เกษตรอินทรีย์..ดี๊ดีต่อคุณ" ณ วิมานพญาแถนต.ในเมือง อ.เมือง จ.ยโสธร ว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานด้านเกษตรอินทรีย์ ซึ่ง ครม.ได้มีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2560-2564 เพื่อเป็นกรอบการดำเนินงานเรื่องดังกล่าว และได้เร่งรัดให้ทุกภาคส่วนดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายเกษตรอินทรีย์ไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมผ่านคณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ระดับภาค และคณะทำงานพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของจังหวัด
ปัจจุบันภาคเกษตรกำลังเผชิญปัญหา อาทิ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ผลผลิตล้นตลาด หนี้สินซ้ำซาก ต้นทุนสูง คุณภาพต่ำ ดังนั้น ทางออกของภาคเกษตรไทย คือการปฏิรูปภาคการเกษตร โดยยึดถือแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นหลักในการขับเคลื่อนงาน ยึดมั่นการทำงานเพื่อประชาชน โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับชาวบ้านและภูมิศาสตร์ ที่สำคัญต้องพัฒนาคนและรวมกลุ่มคน การสร้างเครือข่าย รวมทั้งใช้ตลาดนำการผลิตทางการเกษตรผสมผสานกับการมีส่วนร่วมของเกษตรกรหรือประชาชนในพื้นที่ด้วย เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีเป้าหมายการดำเนินงาน คือ การดูแลเกษตรกรให้มีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยกำหนดให้การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของประเทศเป็นงานสำคัญที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง เนื่องจากเกษตรอินทรีย์เป็นทางเลือกที่มีศักยภาพในการพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน มีความมั่นคงด้านอาหารและความปลอดภัยต่อสุขภาพไม่ทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับกระแสความต้องการผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้จะช่วยให้ทุกภาคส่วนได้รับรู้ และมีความเชื่อมั่นต่อเกษตรอินทรีย์รวมทั้งสร้างความร่วมมือ และเครือข่ายการขับเคลื่อนพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของจังหวัดให้บรรลุเป้าหมายได้
สำหรับจังหวัดยโสธร มีนโยบายที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเกษตรอินทรีย์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเกษตรอินทรีย์เป็นทางเลือกที่มีศักยภาพในการพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน มีความมั่นคงด้านอาหารและความปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่ทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับกระแสความต้องการผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งสามารถเพิ่มมูลค่าผลผลิตให้สูง ก่อให้เกิดรายได้ที่เพียงพอแก่การดำรงชีพ โดยเกษตรกรของ จ.ยโสธร มีการรวมกลุ่มทำการเกษตรอินทรีย์อย่างเหนียวแน่น มีการพัฒนากระบวนการผลิตเกษตรอินทรีย์มาอย่างครบวงจร ผลผลิตได้รับการรับรองมาตรฐาน และได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง จ.ยโสธร กับกระทรวงเกษตรฯ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2559 เพื่อพัฒนาส่งเสริมให้ จ.ยโสธร เป็นจังหวัดต้นแบบเกษตรอินทรีย์ของประเทศครอบคลุม ตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มผู้ผลิตเกษตรอินทรีย์ และขยายพื้นที่ผลิตเกษตรอินทรีย์อีก 60,000 ไร่ ให้เป็น 100,000 ไร่ภายในปี 2561 พร้อมทั้งเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนร่วมบูรณาการสร้างความเข้มแข็งและร่วมขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ของจังหวัดเพื่อส่งเสริมให้บริโภคมีสุขภาพที่ดี และเกษตรกรผู้ผลิตอินทรีย์ก็จะมีรายได้ดีอีกด้วย
"จังหวัดยโสธร เป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ในการรวมกลุ่มเกษตรกรอย่างเข้มแข็ง เป็นการเริ่มต้นที่ถูกต้อง ด้วยการจัดตั้งโรงเรียนที่สอนด้านเกษตรอินทรีย์ หรือแม้แต่โรงเรียนของรัฐหลายๆโรงเรียนมาร่วมมือกัน เริ่มจากการให้การศึกษาที่ถูกต้องและแม่นยำ ที่สำคัญคือการสร้างตัวอย่างความสำเร็จก่อนที่จะไปสอนผู้อื่น รู้ว่าทำแบบไหนสำเร็จและไม่สำเร็จ โดยกระทรวงเกษตรฯ พร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินงานด้านเกษตรอินทรีย์ในจังหวัดยโสธรและจังหวัดอื่นๆ อย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและผู้บริโภคได้รับประทานสินค้าเกษตรอย่างปลอดภัย" นายวิวัฒน์ กล่าว
หลังจากนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้เดินทางไปเปิดโรงเรียนเกษตรอินทรีย์วิถียโสธร พร้อมทั้งมอบวุฒิบัตรให้กับตัวแทนเกษตรกรที่เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร"พัฒนาเกษตรกรสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" 2 รุ่น และพบปะเกษตรกรในพื้นที่บ้านโนนทรายงาม ต.หนองคู อ.เมืองจ.ยโสธร