กรุงเทพฯ--19 ก.พ.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยโอกาสลงพื้นที่มอบนโยบายการประชุมสัมมนา "การขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในระดับพื้นที่สู่การปฏิบัติ ครั้งที่ 4 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ 17 จังหวัด ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ผมได้เน้นย้ำใน 2 เรื่องหลัก คือ 1.ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ต้องทำงานร่วมกันไม่แบ่งแยกกรมใครกรมมัน ต้องทำงานในภาพรวมของกระทรวงเกษตรฯ ให้ได้ โดยเฉพาะงานโครงการตามนโยบาย 15 เรื่องสำคัญ เช่น แปลงใหญ่ที่ส่งเสริมเกษตรกรรวมกลุ่ม รวมผลิตในรูปแบบแปลงใหญ่แล้วต้องเชื่อมโยงตลาดให้ได้ โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐทั้งพาณิชย์จังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด หรือภาคเอกชนในพื้นที่ 2. การติดตามสถานการณ์และลงพื้นที่สำรวจพื้นที่ผลกระทบภาคเกษตร ซึ่งขณะนี้พื้นที่ภาคเหนือเริ่มเข้าสู่ฤดูแล้งก็จะมีความเสี่ยงทั้งหมอกควัน ไฟป่า และปัญหาภัยแล้ง โดยเฉพาะข้าราชการกรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) ที่เป็นหน่วยงานหลักในการจัดหาแหล่งน้ำให้เกษตรกรต้องลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพิจารณาว่าจุดใดบ้างที่สามารถสร้างแหล่งกักเก็บน้ำ หรือการช่วยเหลือเยียวยาที่ต้องประสานกับกระทารวงมหาดไทย ก็ให้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของเกษตรกรได้ต่อสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม การประเมินสถานการณ์ภัยแล้งนั้นจะติดตามข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดในการวิเคราะห์สภาพอากาศ ขณะที่ปริมาณน้ำกักเก็บในเขื่อนหลักตามลุ่มน้ำต่างๆ กรมชลประทานรายงานว่า สถานการณ์น้ำในปีนี้มากกว่าปี 2561 ประมาณ 40% ซึ่งหากเกษตรกรทำการเกษตรตามแผนที่กระทรวงเกษตรฯ วางไว้ โดยเฉพาะการปลูกข้าวรอบสองไม่เกิน 11 ล้านไร่ปริมาณน้ำที่มีอยู่ก็สามารถบริหารจัดการได้อย่างเพียงพอ