กรุงเทพฯ--19 ก.พ.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,345.80-1,351.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,050 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,000 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG18 อยู่ที่ 20,110 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 90 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,200 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.26 น. ของวันที่ 19/02/61)
แนวโน้มวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561
การดำเนินการรณรงค์อย่างลับๆเพื่อแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2559 เพื่อมุ่งไปสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และทำลายความน่าเชื่อถือของคู่แข่งของเขา กำลังเป็นประเด็นทางการเมืองของสหรัฐที่ร้อนแรงขึ้น จนกระตุ้นแรงซื้อทองคำ เมื่อนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ อัยการพิเศษสหรัฐ ฟ้องร้องดำเนินคดีพลเมืองรัสเซีย 13 คน และองค์กรรัสเซีย 3 แห่ง จนคณะลูกขุนสหรัฐตั้งข้อหาชาวรัสเซียหลายคนกรณีแทรกแซงการเลือกตั้งดังกล่าว ทั้งนี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศรัสเซียเผยข้อกล่าวหา ขณะที่ความคุ้มครองภายใต้โครงการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐ (DACA) จะหมดอายุในวันที่ 5 มี.ค. นี้ ล่าสุดวุฒิสภาสหรัฐคว่ำร่างกฎหมายดังกล่าว แสดงให้เห็นความขัดแย้งกันระหว่างรีพับลิกันและเดโมแครต อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาทองคำปรับตัวขึ้นค่อนข้างมากจึงขยับขึ้นได้ไม่มาก ประกอบกับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอาจถูกลดความน่าสนใจลง เมื่อการรายงานผลประกอบการไตรมาสสี่ของบริษัทที่แข็งแกร่งและการลดภาษีนิติบุคคลของสหรัฐในปีนี้ ส่งผลให้นักวิเคราะห์เพิ่มคาดการณ์การเติบโตของผลประกอบการบริษัทบนกระดาน S&P500 ปี 2561 สู่ระดับ 19% จาก 12% ในช่วงต้นเดือนม.ค. ซึ่งดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.25% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นการปรับขึ้นรายสัปดาห์ที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ปี 2559, ดัชนี Nasdaq ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.31% ซึ่งเป็นผลงานรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. ปี 2554 และดัชนี S&P500 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.3% ในรอบสัปดาห์ ซึ่งเป็นผลงานรายสัปดาห์ที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ปี 2556 สำหรับมุมมองของวายแอลจีประเมินว่าหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,362-1,366 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จะทำให้เกิดแรงขายออกมา ซึ่งหากราคาทองคำอ่อนตัวลงมานักลงทุนสามารถเข้าซื้อในลักษณะเก็งกำไรระยะสั้น ประเมินแนวรับโซน 1,344-1,340 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมทั้งตั้งจุดตัดขาดทุนทันทีหากไม่เป็นไปตามที่นักลงทุนคาดการณ์
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า แนะนำให้เก็งกำไรระยะสั้น โดยรอจังหวะเข้าซื้อบริเวณแนวรับ 1,344-1,340 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายทำกำไรทันทีหากราคามีการดีดตัวขึ้นไปไม่ผ่านแนวต้าน 1,362-1,366 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถผ่านไปได้ให้ชะลอไปปิดสถานะบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,375 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุน เพื่อลดความเสียหายในกรณีที่ราคาไม่เป็นไปตามคาดการณ์ ขณะที่นักลงทุนที่ไม่มีทองคำในมือ แนะนำให้ทยอยซื้อตามบริเวณแนวรับ ซึ่งหากราคาทองคำอ่อนตัวลงไปอีกโดยมีแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,344 (19,900บาท) 1,337 (19,800บาท) 1,326 (19,650บาท)
แนวต้าน 1,366 (20,300บาท) 1,375 (20,400บาท) 1,384 (20,550บาท)
GOLD FUTURES (GFG18)
แนวรับ 1,344 (20,050บาท) 1,337 (19,950บาท) 1,326 (19,790บาท)
แนวต้าน 1,366 (20,390บาท) 1,375 (20,520บาท) 1,384 (20,660บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999