กรุงเทพฯ--17 มิ.ย.--คิธ แอนด์ คินฯ
ดั๊บเบิ้ล เอ ผนึกกำลังกับตลาด MAI จัดสัมมนาใหญ่ รวมพลังโรงพิมพ์และสำนักพิมพ์ หวังหาทางกระตุ้นอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ไทย ทั้งรายใหญ่และรายย่อยให้เข้มแข็งและเติบโตผ่าคลื่นมรสุมทางเศรษฐกิจ และแข่งขันได้กับคู่แข่งจากต่างประเทศ ชี้หากกระตุ้นโฆษณาซื้อสื่อสิ่งพิมพ์มากเท่าฮ่องกง จะโตมากขึ้นอีก 5-10 เท่า
นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ — การตลาด บริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตกระดาษดั๊บเบิ้ล เอ กล่าวว่า ดั๊บเบิ้ล เอ ได้ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) จัดงานสัมมนาใหญ่ประจำปี 2548 เรื่อง “จับตาเศรษฐกิจ ผนึกพลังกระตุ้นตลาดสิ่งพิมพ์ไทย” ในวันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม 2548 เวลา 09.30 — 16.00 น. ณ ห้องบอลรูม โรงแรมโซฟิเทลลาดพร้าว ได้รับเกียรติจาก นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงานและเป็นองค์ปาฐกพิเศษเรื่องการสนับสนุนจากภาครัฐในธุรกิจสิ่งพิมพ์ไทย และ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร จำกัด (มหาชน) เป็นองค์ปาฐกเกี่ยวกับ ภาพเศรษฐกิจไทยและการเติบโตของอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์
โดยภายในงานสัมมนาจะเป็นการระดมผู้ที่เกี่ยวข้องจากทุกฝ่ายของอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ไทย ตั้งแต่ภาครัฐในระดับนโยบาย ภาคการเงินการลงทุนอย่าง นายวิเชษฐ ตันติวานิช ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI), ภาคของผู้ประกอบการในแต่ละฝ่าย ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทในการร่วมผลักดันอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ไทยให้เข้มแข็งและเติบโต อาทิ นายพรเทพ สามัตถิยดีกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศิริวัฒนา อินเตอร์พริ้นท์ จำกัด (มหาชน), นางสาวระริน อุทกะพันธุ์ กรรมการผู้จัดการสายธุรกิจสำนักพิมพ์ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
“ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นบริษัทที่มีนโยบายในการสนับสนุนอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ไทยมาโดยตลอด การจัดสัมมนาในครั้งนี้ก็มีวัตถุประสงค์เดียวกัน ที่ต้องการจะสนับสนุนให้มีการกระตุ้นตลาดสิ่งพิมพ์ในประเทศให้เติบโตมากยิ่งขึ้น ที่ผ่านมาดั๊บเบิ้ล เอ ได้ริเริ่มความคิดที่จะศึกษาพฤติกรรมการบริโภคสื่อสิ่งพิมพ์ในประเทศไทย จึงได้สนับสนุนบริษัทซินโนเวตทำการวิจัยสื่อสิ่งพิมพ์เชิงลึกเป็นครั้งแรกของประเทศไทยและในเอเชีย เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ประกอบการธุรกิจ, นักการตลาด รวมทั้งเอเยนซี่ มีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นในการจัดสรรแผนโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพราะสื่อสิ่งพิมพ์มีข้อดีในการเจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนกว่า ให้รายละเอียดได้มากกว่า ในขณะที่ราคาประหยัดกว่า จากการศึกษาพบว่า ประเทศไทยยังมีการจัดสรรงบโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์น้อยมาก อย่างแมกกาซีนมีการโฆษณาเพียง 7 % เท่านั้น ในขณะที่แมกกาซีนในประเทศมีการพัฒนาปรับตัวและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี และโรงพิมพ์ไทยมีศักยภาพในการทำสื่อไดเร็กเมล์อย่างครบวงจร ตั้งแต่การพิมพ์จนกระทั่งการแพ็คใส่ซองจ่าหน้าให้เรียบร้อยด้วยระบบอัตโนมัติ หรือแม้กระทั่งแผ่นพับที่สามารถพัฒนารูปแบบต่างๆ ให้ดึงดูดความสนใจจากลูกค้า เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศอย่างไต้หวันและฮ่องกงพบว่ามีการจัดสรรงบโฆษณาในสื่อแมกกาซีนมากถึง 13 % และ 15 % ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าการจัดสรรงบโฆษณาของไทยเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากวงการธุรกิจของไทย เลือกใช้สื่อสิ่งพิมพ์ในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์มากขึ้น คาดว่าจะทำให้ธุรกิจสิ่งพิมพ์ของไทยจะเติบโตขึ้นมากกว่าปัจจุบัน 5-10 เท่าได้อย่างแน่นอน และเป็นการช่วยให้ธุรกิจใช้งบโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย” นายชาญวิทย์ กล่าว
ดังนั้นการเติบโตของอุตสาหกรรมการพิมพ์ นับว่าสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศในหลายๆ ด้าน อาทิ เกิดการกระตุ้นและส่งเสริมการอ่านด้วยการพัฒนาให้มีหนังสือดีมีคุณค่า การสนับสนุนสร้างรายได้ให้กับประเทศจากการส่งออก ทั้งทางตรงในการส่งออกสิ่งพิมพ์เอง ซึ่งสร้างรายได้ให้กับประเทศปีละไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท และมีเป้าหมายที่จะเติบโตเป็น 30,000 ล้านบาทภายในไม่กี่ปีข้างหน้านี้ และโดยอ้อมคือการเป็นสื่อหรือบรรจุภัณฑ์ที่ไปพร้อมกับผลิตภัณฑ์ส่งออกของไทย ซึ่งมีมูลค่าอีกมหาศาล โดยภาพรวมแล้ว มูลค่าตลาดของสิ่งพิมพ์ของไทยมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี และมีแรงงานในภาคอุตสาหกรรมไม่ต่ำกว่า 50,000 คน ที่สำคัญคือเป็นอุตสาหกรรมที่มีวัตถุดิบในประเทศคือกระดาษ ที่เกิดจากเกษตรกรนับล้านครอบครัวปลูกไม้โตเร็วเพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตกระดาษ อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์จึงเป็นอุตสาหกรรมที่พึ่งพาตนเองได้และสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ดังนั้นการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมทั้งระบบจึงก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและประเทศอย่างมหาศาล
งานสัมมนาครั้งนี้ จึงเป็นการกระตุ้นให้ทุกฝ่ายได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์มากยิ่งขึ้น เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประเทศไทยทางหนึ่ง และเป็นอุตสาหกรรมที่มีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายนับตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ คือตั้งแต่ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรมกระดาษ อย่างบริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร ที่เป็นผู้ผลิตกระดาษ กลุ่มผู้ประกอบการโรงพิมพ์ โรงแปรรูปกระดาษ สำนักพิมพ์ ร้านแพลท หมึกพิมพ์ ร้านแยกสี นักเขียน นักออกแบบ และจะเป็นการระดมหาแนวทางการสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ทั้งรายเล็กและใหญ่ ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง ในภาวะที่เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและมีผลกระทบจากปัจจัยหลายด้าน อาทิ ภาวะราคาน้ำมัน ภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์สึนามิ รวมถึงคู่แข่งสำคัญอย่างจีน
สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ที่สนใจร่วมงานสัมมนา “จับตาเศรษฐกิจ ผนึกพลังกระตุ้นตลาดสิ่งพิมพ์ไทย” สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองที่นั่ง ได้ทาง โทร. 0-2659-1188 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
บริษัท คิธ แอนด์ คินฯ จำกัด
คุณจรรยา นุกูลกิจ โทร 02 663 3226 ต่อ 65 หรือ 09 814 8941--จบ--