กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--IR PLUS
TASCO เปิดแผนปี 61 ตั้งเป้ายอดขายยางมะตอย 1.9 - 2 ล้านตัน รอลุ้นปัจจัยบวกจากภาครัฐอัดงบ 10,000 ล้านบาท ผลักดันการใช้ยางพาราผลิตยางมะตอยเกรดพรีเมี่ยมเพิ่มอีก 80,000 – 100,000 ตัน ล่าสุด เร่งเจรจากับผู้ค้าน้ำมันดิบเพิ่ม และเซ็นสัญญาซื้อยางมะตอยกับโรงกลั่นในสิงคโปร์ จีน ไต้หวัน และเกาหลีใต้ แก้ปัญหา ซัพพลายไม่เพียงพอ ตบท้ายบอร์ดใจดีประกาศปันผลงวดปี 60 โดดเด่นที่หุ้นละ 0.90 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 ก.พ. 61 ชูเป็นหุ้นปันผลสูงติดดัชนี SETHD ต่อเนื่อง
นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางมะตอย เพื่อใช้ในงานก่อสร้างและซ่อมบำรุงทาง เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปี 2561 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายยางมะตอยรวมที่ 1.9 - 2 ล้านตัน ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นยอดขายในประเทศราว 5 แสนตัน ส่วนที่เหลือเป็นยอดขายต่างประเทศ สำหรับยอดขายในประเทศ ถือเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งจากความต้องการใช้ยางมะตอยในประเทศที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากงบประมาณภาครัฐบาลประจำปีที่แข็งแกร่ง รอลุ้นงบประมาณเพิ่มเติมอีก 10,000 ล้านบาท ซึ่งหากมีการอนุมัติจะทำให้มีปริมาณยางมะตอยเกรดพิเศษเพิ่มขึ้น 80,000 - 100,000 ตัน สำหรับทั้งตลาด โดยจะส่งผลดีทั้งในแง่ยอดขายและอัตรากำไรขึ้นต้นที่สูงขึ้น
ด้านตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับน้ำมันดิบในการผลิตยางมะตอยที่โรงกลั่นประมาณ 10 Shipments เนื่องจากมีแผนในการปิดโรงกลั่นในประเทศมาเลเซียราว 5 สัปดาห์ สำหรับการทำ Turn around maintenance ที่ต้องทำทุก ๆ 3 ปี โดยในครั้งนี้จะอยู่ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม - 10 เมษายน 2561 และสถานการณ์ การขนส่งน้ำมันดิบในเวเนซุเอลาที่ยังอาจมีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้มีการรับมือโดยการเซ็นสัญญาระยะยาวซื้อยางมะตอยจากโรงกลั่นต่าง ๆ ในประเทศสิงคโปร์ จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ รวมประมาณ 1.2 แสนตัน เพื่อชดเชยในส่วนที่ขาดหายไป รวมถึงมีแผนสำรองในการหาน้ำมันดิบจากประเทศแถบอเมริกาใต้ ได้แก่ บราซิล โคลัมเบีย และเอกวาดอร์ เข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาคาดว่าในช่วงไตรมาส 2/2561 จะเริ่มเห็นความชัดเจน ขณะที่อุปสงค์ในภูมิภาคจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากจีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย ปัจจุบัน TASCO ได้โปรเจกต์สนามบินจาร์กาต้า ประเทศอินโดนีเซีย มาแล้ว ส่วนความคืบหน้าการลงทุนในต่างประเทศโรงงานในประเทศลาวและคลังยางมะตอยในประเทศมาเลเซียฝั่งตะวันออกของบริษัทร่วมทุนน่าจะมีการผลิต/จำหน่ายยางมะตอยได้ ด้านราคายางมะตอยในต่างประเทศมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น บริษัทฯ คาดว่ายอดขายต่างประเทศในปีนี้จะไม่น้อยกว่าปีที่แล้ว
ท้ายสุดบริษัท มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอและอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาโดยตลอดทำให้ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในดัชนี SETHD (ดัชนีหุ้นปันผลสูง) อีกครั้ง โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมตินำเสนอการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาการจ่ายเงินปันผลงวดปี 2560 จากผลการดำเนินงานในปี 2560 ในอัตรา 0.90 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561