กรุงเทพฯ--4 ต.ค.--กระทรวงพลังงาน
ก.พลังงาน วอน ขั้นตอนลอยตัวแอลพีจี ยังอยู่ในการพิจารณา และจะยังไม่ปรับราคาขึ้นถึง 2 บาทต่อกิโลกรัม ชี้ทางเลือก ผู้ประกอบแท็กซี่ หันมาใช้เอ็นจีวี ทดแทน ก๊าซหุงต้ม เพราะภาครัฐสนับสนุนมากกว่า และสถานีบริการเริ่มมีมากขึ้นแล้ว
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่ากระทรวงพลังงานจะทำการปรับราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ แอลพีจี ขึ้นถึง 2 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อรองรับการลอยตัวราคาแอลพีจีนั้น กระแสข่าวดังกล่าว ยังไม่เป็นความจริง เนื่องจากยังต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาของกระทรวงพลังงาน และหากจะมีการปรับราคาจริง ก็จะไม่ปรับราคาแอลพีจีเพิ่มขึ้นถึง 2 บาทต่อกิโลกรัม
ส่วนกรณีที่จะมีกลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์แท็กซี่สาธารณะ ซึ่งได้รับผลกระทบ จะได้รวมตัวกัน เพื่อประท้วงการปรับขึ้นราคาแอลพีจีดังกล่าว รวมทั้งจะต่อรองเพื่อขอขึ้นราคาค่าโดยสารนั้น กระทรวงพลังงาน ต้องการแนะนำให้กลุ่มแท็กซี่ดังกล่าว หันมาปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ และใช้ก๊าซธรรมชาติ หรือการติดตั้งอุปกรณ์เอ็นจีวีแทนแอลพีจี เพราะขณะนี้ได้มีการส่งเสริมการติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวี โดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ให้ความช่วยเหลือสำหรับกลุ่มรถยนต์แท็กซี่ ในการสนับสนุนถังเอ็นจีวี ขนาด 100 ลิตรฟรี พร้อมทั้งการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์แอลพีจี เป็นเอ็นจีวีในระบบดูดก๊าซฟรี ตลอดจนการส่งเสริมโดยให้ส่วนลดในการติดตั้งอุปกรณ์เอ็นจีวีอื่น ๆ ด้วย
โดยหากกลุ่มรถยนต์แท็กซี่ เกรงว่าจะไม่ได้รับการบริการก๊าซเอ็นจีวีที่สะดวก เนื่องจากยังมีสถานีบริการที่ไม่เพียงพอนั้น ขณะนี้ ปตท. ได้เร่งขยายเครือข่ายสถานีเอ็นจีวี ให้ครอบคลุมเส้นทางสายหลักสู่ทุกภูมิภาคของประเทศ โดยปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 152 แห่ง (ณ วันที่ 27 ก.ย.50) และจะเพิ่มเป็น 250 - 270 แห่ง ภายในสิ้นปี 2550 โดยยังคงเน้นพื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพราะมีสัดส่วนการใช้ NGV สูง และหากมีการขยายสถานีได้ตามเป้าหมายดังกล่าว ก็มั่นใจได้ว่า จะมีกลุ่มที่ใช้รถ NGV เพิ่มขึ้น ทั้งในกลุ่มรถบ้าน และรถแท็กซี่ที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ NGV มากขึ้น นอกจากนี้ ในส่วนของราคาเอ็นจีวี ก็จะมีอัตราคงที่ 8.50 บาท/กิโลกรัม ไปจนถึงสิ้นปี 2550 เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจเพิ่มขึ้น อีกด้วย