กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--บลจ.บัวหลวง
กองทุนบัวหลวงสบช่องหลายปัจจัยเอื้อลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่ ส่งกองทุนใหม่ B-CHINE-EQ นำเสนอทางเลือกนักลงทุนที่ต้องการ"ลงทุนจีนทั้งแผ่นดิน" เปิดขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 7 มีนาคม ศกนี้
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) เน้นลงทุนในบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ และบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนอกจีนแผ่นดินใหญ่ เช่น ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งตราสารทุนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจีน โดยสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ข้างต้นได้เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และกองทุนมีนโยบายการจ่ายเงินปันผล ไม่เกินปีละ 4 ครั้ง
นายพีรพงศ์ กล่าวว่า สำหรับนักลงทุนทั่วโลกแล้ว ความใหญ่และอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ถือว่า "Too big too ignore" กองทุนบัวหลวงจึงเห็นว่า การนำเสนอกองทุน B-CHINE-EQ ที่สามารถลงทุนหุ้นจีนได้ทุกตลาด และที่สำคัญมีโอกาสที่จะหาการลงทุนใหม่ๆ ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ และตลาดหุ้นเซินเจิ้นได้เต็มที่ น่าจะเป็นทางเลือกที่ลงตัวที่มอบโอกาสให้นักลงทุนได้ลงทุนในหุ้นจีนทั้งแผ่นดิน
กองทุนระดับโลกต่างๆ เริ่มให้ความสนใจที่จะลงทุนในหุ้นของบริษัทจีนมากยิ่งขึ้น เพราะเห็นว่า จีนมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่มากเทียบเท่า 15% ของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ประเมินกันว่า ในปี 2030 จีนจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะแซงหน้าขนาดเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา
ที่สำคัญ เศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงของการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ จากที่เคยเจริญเติบโตในอัตราสูงเชิงปริมาณมาสู่การเจริญเติบโตเชิงคุณภาพ โดยจะลดการพึ่งพาการส่งออก แต่ไปเน้นการบริโภคภายในเพื่อตอบสนองประชากรกว่า 1,300 ล้านคน ส่งเสริมภาคบริการ และการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการพัฒนานวัตกรรมและไอที เพื่อผลักดันให้จีนก้าวข้ามรอยต่อจากเศรษฐกิจเก่า (Old Economy) ไปสู่เศรษฐกิจใหม่ (New Economy)
"ตลาดหุ้นจีนมีขนาด 12 ล้านล้านดอลลาร์ หรือใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และมีขนาดใหญ่กว่าตลาดหุ้นของเขตยูโรรวมกันเสียอีก แต่นักลงทุนทั่วโลกที่ผ่านมา ยังให้ความสนใจในตลาดหุ้นจีนในระดับต่ำอยู่ แม้ว่ากำไรของบริษัทจีนอยู่ในช่วงขยายตัว และราคาหุ้นโดยรวมยังถูกอยู่"
"การที่กองทุน B-CHINE-EQ สามารถลงทุนในตลาดเซี่ยงไฮ้และตลาดเซินเจิ้นได้เต็มที่ จะทำให้กองทุนมีโอกาสลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพของจีนเพิ่มขึ้นอีกกว่า 3,400 หุ้น ซึ่งรวมกับตลาดฮ่องกงและตลาดอื่นๆ ซึ่งมีหุ้นจำนวนกว่า 1,500 หุ้น เท่ากับว่ากองทุนมีทางเลือกลงทุนในหุ้นเกือบ 5,000 หุ้น และที่สำคัญมีหุ้นของบริษัทใหญ่ในทั้งสองตลาดที่น่าสนใจจำนวนมาก เพราะนอกจากจะมีการปรับตัวทางธุรกิจได้แล้ว ยังมีอัตราการเติบโตของยอดขายและกำไรสุทธิสูง ตัวอย่างเช่น บริษัท Angel Yeast ซึ่งเป็นผู้ผลิตยีสต์สำหรับประกอบอาหารรายใหญ่ที่สุดในจีน และเป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นต้น" นายพีรพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ ภาพของการลงทุนในจีนในสายตานักลงทุนต่างชาติเปลี่ยนไป หลังจากที่รัฐบาลจีนได้สร้างระบบ Stock Connect ในช่วงปลายปี 2017 ที่ผ่านมา เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นของจีน และตลาดฮั่งเส็งของฮ่องกงได้อย่างสะดวก ด้วยระบบการทำธุรกรรมที่เชื่อมโยงกัน และระบบนี้ทำให้ MSCI ประกาศแผนที่จะนำบริษัทจีน หรือหุ้นประเภท A-share ที่ซื้อขายในสองตลาดใหญ่ เข้าไปรวมในดัชนีวัดผลการดำเนินงาน หรือ MSCI Emerging Markets Index โดยจะเริ่มทยอยนำหุ้นบริษัทจีนที่มีมาร์เก็ตแค็ปขนาดใหญ่จำนวน 222 บริษัทเข้าไปในดัชนีวัดผลการดำเนินงาน ในเดือนพฤษภาคมหรือสิงหาคมนี้ ทำให้ยิ่งเพิ่มโอกาสที่เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติจะไหลเข้าตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้น
กองทุนบัวหลวงมอบหมายให้ Allianz Global Investors Asia Pacific Limited เป็นผู้รับดำเนินงานการลงทุนในบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นต่างๆ ในรูปแบบของการเอาท์ซอร์ซ Allianz Global Investors เป็นบลจ.สัญชาติเยอรมัน ที่มีประสบการณ์การลงทุนในภูมิภาคเอเชียกว่า 30 ปี มีจุดเด่นด้านการเข้าใจตลาดจีนเชิงลึก โดยมีทีมงานวิจัยภาคสนาม (Grass roots research) ที่จะเข้าไปสำรวจธุรกิจ ตั้งแต่แหล่งที่มาของรายได้ แหล่งที่มาของต้นทุน ทิศทางอุตสาหกรรม ทั้งจากผู้ประกอบการ ตัวแทนขาย ลูกค้า
B-CHINE-EQ เสนอขาย IPO ระหว่างวันที่ 27 ก.พ. – 7 มี.ค. ศกนี้ มีมูลค่าขั้นต่ำของการลงทุนเพียง 500 บาท ในราคาหน่วยลงทุนละ 10 บาท และมีค่าธรรมเนียมการขาย 1% (ช่วง IPO 0.50%) ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลการลงทุนได้ที่ กองทุนบัวหลวง โทร. 0 2674 6488 กด 8 หรือตัวแทนขายหน่วยลงทุน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง บมจ. หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน บมจ.หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย)บมจ.หลักทรัพย์ ภัทร และบลจ.แอสเซท พลัส
ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน
เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน