กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--IR PLUS
JUBILE เปิดแผนธุรกิจปี 2561 เน้นสร้างนวัตกรรมในทุกส่วนขององค์กร ทั้งด้านระบบการบริหารจัดการ การสร้างความพึงพอใจให้กลุ่มลูกค้า และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับเพชร ผ่านระบบการจัดการข้อมูลเพื่อช่วยการวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายสุดปัง วางกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายโตทั้งจากสาขาเดิมที่มีอยู่ 125 สาขา พร้อมขยายสาขาอีก 5-7 สาขา และ Forevermark 3-5 สาขา คาดทั้งปีรายได้โตอีกไม่ต่ำกว่า 10%
นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจปี 2561 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้โตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10% และอัตรากำไรสุทธิโตไม่ต่ำกว่า 10% โดยเน้นทั้งกระตุ้นยอดขายจากสาขาเดิม ที่มีอยู่ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 จำนวน 125 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทยสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าแต่ละกลุ่มเป้าหมายในตลาดซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเน้นกลยุทธ์ทางการตลาดที่แตกต่าง รายการส่งเสริมการขายที่มีประสิทธิภาพ ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่หลากหลาย รวมถึงการสร้างนวัตกรรมทั้งด้านการบริหารจัดการภายในองค์กร การพัฒนาสินค้าและการบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด โดยการใช้ข้อมูลผ่านระบบที่เป็นมาตรฐาน รวมถึงการมีอำนาจในการต่อรองสูงในการนำเข้าวัตถุดิบ
สำหรับแผนการขยายสาขาในปี 2561 บริษัทมีแผนขยายสาขารวมทั้งสิ้น 5-7 สาขา จากสิ้นปี 2560 มีจำนวน 125 สาขาทั่วประเทศ และจะเปิดสาขาภายใต้แบรนด์ Forever mark 3-5 สาขา โดยปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ได้คว้าลิขสิทธิ์ผู้จัดจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และเปิดเคาน์เตอร์จำหน่ายที่แห่งแรกที่ สยามพารากอน
"ภาพรวมตลาดเพชรปีนี้ เครื่องประดับเพชร เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก Global demand ไม่เพียงแต่สุภาพสตรีหรือผู้มีฐานะเท่านั้น เทรนด์การซื้อเครื่องประดับเพชรในปัจจุบันยังเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งชายและหญิงเพิ่มมากขึ้น โดย JUBILE ยังคงเน้นการสร้างแบรนด์ที่เข้มแข็งผ่านคุณภาพมาตรฐานเพชรและสินค้าเครื่องประดับเพชร ซึ่งได้รับการการันตีจากสถาบันต่างๆ ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ ซึ่งผลสำเร็จก็สะท้อนออกมา ทำให้รายได้เติบโตรวมถึงกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าหมากตัวสำคัญที่วางไว้ในแง่ของการออกผลิตภัณฑ์ คอลเลคชั่นใหม่ๆ เน้นตอบโจทย์พฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่ม ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก รวมถึงการวางกลยุทธ์การตลาดให้แตกต่างและโดดเด่นมากยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นเจาะตลาดแต่ละเซ็กเมนท์ เน้นเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม พัฒนาการให้บริการลูกค้าและมีการจัดกิจกรรมให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับปรุงช่องทางการจัดจำหน่าย ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุน จะเป็นแนวทางที่ทำให้บริษัทสามารถทำรายได้ กำไรได้ตามเป้าหมาย ในปี 2561 รวมทั้ง JUBILE ถือเป็นบริษัทฯที่จ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ 2 ครั้งต่อปี นางสาวอัญรัตน์กล่าว
นางสาวอัญรัตน์ กล่าวเพิ่มเติ่มว่า สำหรับผลประกอบการในงวดปี 2560 บริษัทมีรายได้สุทธิที่ 1,542.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,380 ล้านบาท โดยมี กำไรสุทธิ 184.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 157.3ล้านบาท
สาเหตุที่ผลประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดขายของสาขาเดิมมีการปรับตัวสูงขึ้นถึง 13.7% จากการที่บริษัทได้ใช้กลยุทธ์ในการเพิ่มยอดขายและการตลาด ให้สอดคล้องต่อความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้บริษัทยังมีการบริหารต้นทุนสินค้าที่ดีขึ้น รวมทั้งมีการบริหารสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในแต่ละประเภทอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทยังควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างเข้มงวด สะท้อนจากอัตรากำไรขั้นต้นในปี 60 อยู่ที่ระดับ 43.6% โดยบริษัทมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 672.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 608 ล้านบาท
ส่วนผลประกอบการงวดไตรมาส 4/60 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 62.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 48.6 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 44.6% และกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.2% ทั้งนี้ภาพรวมธุรกิจไตรมาส 4 ที่ผ่านมา เป็นไตรมาสที่มีความเติบโตอย่างโดดเด่น นอกจากการใช้กลยุทธ์ที่ตอบโจทย์แล้ว ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว และเป็นช่วงที่ประชาชนเริ่มจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น ที่คนนิยมออกมาท่องเที่ยว และจับจ่ายใช้สอย ประกอบกับเข้าสู่ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองต่างๆ ส่งผลให้ ธุรกิจภาคค้าปลีก บริการ และท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น
"ผลการดำเนินงานในปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จด้านผลกำไรที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างมากถึง 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ เป็นผลมาจากการวางแผนทั้งด้านสินค้าและบริการ ที่บริษัทฯมุ่งสร้างนวัตกรรมและความพิถีพิถันในคุณภาพสินค้า ซึ่งได้สร้างความแตกต่างและได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกเครื่องประดับเพชรของไทย ที่สำคัญคุณภาพมาตรฐานเพชรและสินค้าเครื่องประดับเพชรของแบรนด์ยูบิลลี่ ได้รับการการันตีจากสถาบันต่างๆ ทั้งในประเทศและในระดับนานาชาติ"
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัท ได้มีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานของปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.64 บาท โดยจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ก.ค. – 31 ธ.ค. 60 ในอัตราหุ้นละ 0.37 บาท โดยกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2561 สำหรับช่วงครึ่งปีแรก (รอบผลการดำเนินงานเดือนม.ค.-มิ.ย. 2560) บริษัทจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.27 บาท รวมเป็นเงินปันผลจากผลการดำเนินงานทั้งปี 2560 อยู่ที่ 0.27 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) อยู่ที่ 60.4% ตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทที่ตั้งไว้อยู่ที่ 60% ซึ่งนับเป็นการจ่ายปันผลต่อเนื่องกันนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ สะท้อนถึงการเป็นบริษัทจดทะเบียนคุณภาพที่มีปันผลอย่างต่อเนื่อง