กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--ลีสซิ่งกสิกรไทย
ตลาดรถปี 60 เป็นใจ ลีสซิ่งกสิกรไทยกำไรทะลุพันล้านบาท คาดตลาดรถยนต์ปีนี้แตะ 9 แสนคัน จากผู้ซื้อรถยนต์โครงการรถยนต์คันแรกที่เปลี่ยนรถใหม่หลังครบกำหนด ชูกลยุทธ์ผนึกกำลังร่วมกับธนาคารกสิกรไทย นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ตรงจุด รวมทั้งการขยายช่องทางบริการออนไลน์/แพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อให้บริการทั้งด้านการอนุมัติสินเชื่อและบริการหลังการขายอย่างครบวงจร
นายศาศวัต วีระปรีย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด ในปี 2560 ว่า สามารถปล่อยสินเชื่อได้ 84,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 6.47% แบ่งเป็นสินเชื่อใหม่เช่าซื้อและลีสซิ่งและสินเชื่อจำนำเล่มทะเบียน 40,025 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.15% และสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 44,905 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.01% สำหรับยอดสินเชื่อคงค้าง (Outstanding Loan) มียอดรวม 97,055 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 7.01% ทั้งนี้ บริษัทมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 1.52% ส่งผลให้บริษัทมีกำไร 1,080 ล้านบาท เติบโต 31.69%
สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2561 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศน่าจะสามารถทำยอดขายได้ 900,000 คัน หรือคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3% เมื่อเทียบกับปี 2560 โดยประเภทรถที่คาดว่าจะขายได้ดีอย่างต่อเนื่องจากปี 2560 คือ รถยนต์นั่งในเกือบทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะรถยนต์นั่งขนาดเล็ก รวมไปถึงรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ และรถยนต์หรู ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกมาเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคหลายรุ่น ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์คาดว่ากลุ่มที่น่าจะยังดีจะเป็นรถกระบะ 4 ประตู เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ผู้ซื้อมีระดับรายได้ค่อนข้างดี แม้ว่ากำลังซื้อของประชาชนในกลุ่มฐานรากยังคงมีแรงกดดัน แต่จากสถานการณ์ตลาดพบว่ามีหลากหลายปัจจัยที่เริ่มบ่งชี้ให้เห็นทิศทางที่จะเป็นบวกต่อยอดขายรถยนต์ในปี 2561 มากขึ้น ได้แก่ การทยอยขายรถเพื่อเปลี่ยนรถคันใหม่สำหรับผู้ซื้อรถยนต์ในโครงการรถคันแรกที่ถือครบกำหนด 5 ปี การเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนภาคเอกชน และภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้น การท่องเที่ยวในประเทศที่ยังคงขยายตัว และธุรกิจ e-commerce ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ทำให้มีความต้องการใช้บริการขนส่งที่มากขึ้น ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มทรงตัวในปี 2561 เป็นผลเชิงบวกให้สถาบันการเงินไม่ต้องเพิ่มความเข้มงวดเป็นพิเศษในการปล่อยสินเชื่อ ทั้งนี้ในปีนี้ คาดว่าตลาดรถทั้งมือหนึ่งและมือสองน่าจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น และอาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของตลาดรถยนต์ใหม่บ้าง เนื่องจากรถจากโครงการรถคันแรกที่จะทยอยออกมาสู่ตลาดมือสองนั้น ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กและรถปิกอัพ ซึ่งเป็นประเภทรถที่ได้รับความนิยม
สำหรับแนวโน้มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวเป็นบวกในอัตราที่ชะลอลงมาที่ระดับประมาณ 5.5% เป็นแตะ 1 ล้านล้านบาทหลังจากในปี 2560 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.99% หรือคิดเป็น 9.5 แสนล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกหลักจากตลาดรถใหม่ที่คาดว่าจะยังเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลง ประกอบกับสถาบันการเงินมีแนวนโยบายด้านมาตรฐานการให้สินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นต่อเนื่อง เพื่อสะท้อนการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงขึ้น ขณะที่แนวโน้ม NPLs(หนี้ค้างชำระมากกว่า 3 เดือน) ของสินเชื่อเช่าซื้อเริ่มมีสัญญาณทรงตัวถึงดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่ดีดตัวขึ้น 3 ปีติดกัน (2555-2557) โดยมีทิศทางที่ชะลอลงมาตั้งแต่ปี 2558
นายศาศวัต กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2561 ลีสซิ่งกสิกรไทยจะมุ่งเน้นการตลาดเชิงรุก ชูจุดแข็งด้านการขยายฐานลูกค้าร่วมกับธนาคารกสิกรไทยทั้งกลุ่มลูกค้าบุคคลและธุรกิจ ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์/ดิจิทัลและกระบวนการภายในเพื่อสามารถวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆได้อย่างตรงจุด ครบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการสินเชื่อ การอนุมัติสินเชื่อและบริการหลังการขายอย่างครบวงจร เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ส่วนใหญ่จะศึกษาข้อมูลสินเชื่อออนไลน์ก่อนเลือกรถที่โชว์รูมหรือสมัครใช้บริการ ขณะเดียวกัน การพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์/ดิจิทัล ยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นการเติบโตของสินเชื่อรถทุกประเภทให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อรถช่วยได้กสิกรไทย ที่เป็นสินเชื่อเพื่อลูกค้าที่มีรถยนต์และต้องการเงินทุนหมุนเวียนหรือเสริมสภาพคล่องทางการเงิน จากความสะดวกในการเข้าตรวจสอบวงเงินสินเชื่อเบื้องต้น ความสามารถในการผ่อนชำระ และค่างวดผ่อนต่อเดือนที่แน่นอน รวมถึงการสมัครบริการออนไลน์ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นปัจจัยที่เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจขอสินเชื่อเบื้องต้นสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ยังคงมุ่งเน้นไปยังกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตในปีนี้ และผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่ในการทำการตลาดร่วมกันอย่างต่อเนื่อง