กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--ออน ทรี คอมมิวนิเคชั่น
แควนตัส กรุ๊ป ประกาศผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2560 มีกำไรก่อนภาษีสูงสุด 24,440 ล้านบาท (976 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) หรือเพิ่มขึ้น 4,605 ล้านบาท (921 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) คิดเป็นร้อยละ 5 เทียบกับผลประกอบการช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้าแม้จะต้องประสบกับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และอัตราการเติบโตในเส้นทางบินต่างประเทศ ทั้งกำไรก่อนหักภาษีและกำไรตามกฎหมายก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และ 20 ตามลำดับ โดยผลประกอบการที่ตั้งไว้เป็นไปตามเป้า ส่งผลให้สามารถมอบเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น รวมถึงการลงทุนสำหรับลูกค้าและการวางเป้าหมายเพื่ออนาคตต่อไป
มร.อลัน จอยส์ ประธานกรรมการบริหาร แควนตัส กรุ๊ป เปิดเผยว่า "ผลประกอบการที่ได้รับแสดงถึงศักยภาพการดำเนินงานของเรา เรามั่นใจว่าการดำเนินงานต่อไปในอนาคตจะดียิ่งขึ้นหลังจากที่ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาผลประกอบการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลประกอบการที่ประกาศเป็นผลจากการลงทุนในด้านต่างๆ เพื่อสร้างอัตราการเติบโต รวมถึงกลยุทธ์เน็ทเวิร์คการนำเครื่องบินถูกประเภทให้บริการในเส้นทางที่ถูกต้อง การลงทุนทั้งในเรื่องของห้องพักรับรองผู้โดยสาร โปรแกรมสะสมคะแนนแควนตัส ฟรีเคว่นฟลายเออร์ และสิทธิประโยชน์สำหรับผู้โดยสาร เช่น อินเทอร์เน็ทไวไฟฟรีที่สร้างความพอใจแก่ผู้โดยสารได้ช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับสายการบินแควนตัส และสายการบินเจ๊ทสตาร์ นอกจากนั้นเรายังเห็นความแข็งแกร่งในตลาดภายในประเทศออสเตรเลียมาจากการบริการที่มีความโดดเด่นของเรา"
"ปีนี้เป็นปีที่ดีอย่างมากสำหรับแควนตัสเส้นทางบินต่างประเทศ โดยเราจะมีเครื่องบินดรีมไลเนอร์เข้าประจำการในฝูงบิน และการเปลี่ยนแปลงเน็ทเวิร์คเที่ยวบินไปยังยุโรป และข้ามทะเลทัสมัน และแม้ว่าเส้นทางบินต่างประเทศจะต้องเผชิญกับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นแต่ก็ยังคงมีความยืดหยุ่น ในส่วนของแควนตัส รอยัลตี้ ที่ให้บริการเรื่องโปรแกรมสะสมคะแนนแควนตัส ฟรีเคว่น ฟลายเออร์ ยังคงมีผลการดำเนินงานโดดเด่นและมีการขยายสิทธิประโยชน์ครอบคลุมบริการด้านการเงินและประกันสุขภาพ เราดำเนินงานในตลาดที่มีการแข่งขันกันสูง ดังนั้นเรายังคงโฟกัสปรับปรุงด้านต่างๆ ต่อไป ทั้งนี้ผลประกอบการที่ได้รับรวมถึงประโยชน์จากโปรแกรมการปรับปรุงการดำเนินงาน 4,525 ล้านบาท (181 ล้านดอลาร์ออสเตรเลีย) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานที่ตั้งเป้าไว้ 10,000 ล้านบาท (400 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ต่อปี และท้ายที่สุดการมีวินัยคือหัวใจสำคัญในการดำเนินงานของเราเพื่อให้บริการแก่ผู้โดยสาร ผู้ถือหุ้น และผู้คนทั่วไป" มร.จอยส์ กล่าว
ภาพรวมทางการเงิน
ภาพรวมทางการเงินของธุรกิจภายใต้แควนตัส กรุ๊ป ในช่วงครึ่งปีแรกตรงตามเป้าหรือสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยหนี้สุทธิยังคงลดลง และอยู่ที่ระดับต่ำสุดที่ตั้งไว้ นอกจากนั้นร้อยละ 60 ของเครื่องบินประจำการในฝูงบินไม่มีภาระผูกพัน รวมถึงมีเครื่องบิน 787-9 จำนวน 2 ลำ ที่ซื้อด้วยเงินสด อัตราการคืนทุนจากการลงทุนในรอบ 12 เดือนคิดเป็นร้อยละ 20.9 สูงกว่าค่าใช้จ่ายในการลงทุน โดยแนวทางค่าใช้จ่ายสุทธิในการลงทุนในปี พ.ศ.2560 และพ.ศ.2561 ยังคงอยู่ที่ 75,000 ล้านบาท (3,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ซึ่งเป็นราคาขายสุทธิทั้งหมด เงินทุนหมุนเวียนด้านการดำเนินงานอยู่ที่ 42,500 ล้านบาท (1,700 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 ทำให้มีมีเงินทุนเพิ่มสำหรับการลงทุน และปันผลให้กับผู้ถือหุ้น
การจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น
คณะกรรมการบริหารแควนตัส กรุ๊ปประกาศจ่ายเงิน 12,500 ล้านาบาท (500 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) คืนให้ผู้ถือหุ้น ซึ่งรวมเงินปันผล 1.75 บาท (7 เซนต์) ต่อหุ้นในวันที่ 12 เมษายน 2561 โดยจะบันทึกในวันที่ 8 มีนาคมนี้ รวมถึงซื้อหุ้นคืนจากตลาดอีก 9,450 ล้านบาท (378 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) โดยหุ้นที่จะซื้อคืนนี้คาดว่าจะทำให้หุ้นลดลงร้อยละ 24 นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 เป็นต้นมา
การลงทุนในอนาคต
การสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A320 ของสายการบินเจ๊ทสตาร์
สายการบินเจ๊ทสตาร์จะรับมอบเครื่องบินแอร์บัส A320 จำนวน 99 ลำ โดยจะเริ่มจากเครื่องบิน A321LR NEO 18 ลำ ในกลางปี พ.ศ.2563 เป็นต้นไป โดยเครื่องบินรุ่นใหม่นี้มีลำตัวยาวและสามารถบินในเส้นทาง เช่น เมลเบิร์น และซิดนีย์ไปบาหลีที่ในปัจจุบันให้บริการด้วยเครื่องบิน 787-8 ดรีมไลเนอร์ ทั้งนี้ เครื่องบินใหม่ 1 ใน 4 ลำ จะนำมาบินเสริมในเส้นทางดังกล่าวและนำเครื่องบิน 787-8 บางส่วนไปให้บริการในเส้นทางท่องเที่ยว เช่น เวียดนาม จีน ประเทศไทย และหมู่เกาะฮาวาย ทั้งนี้คาดว่าเครื่องบิน A321LR NEO 18 ลำ ทั้งหมดจะได้รับการส่งมอบภายในสิ้นปี พ.ศ.2563 เพื่อแทนเครื่องบินแอร์บัส A320 ที่ให้บริการในเส้นทางภายในประเทศและเส้นทางบินต่างประเทศ และจะช่วยประหยัดน้ำมันได้ร้อยละ 15
แควนตัส กรุ๊ป ยังคงมีความยืดหยุ่นเรื่องการสั่งซื้อเครื่องบิน A320 NEO ที่คาดว่าจะแบ่งเป็นเครื่องบิน A321LR NEO 232 ที่นั่ง และเครื่องบิน A321LR NEO 186 ที่นั่ง โดยการสั่งซื้อจะโฟกัสการนำเครื่องบินมาให้บริการแทนแต่ยังคงสร้างอัตราการเติบโตขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางการตลาด
สถาบันการฝึกอบรมนักบินของแควนตัส กรุ๊ป
จากการที่มีการปรับเปลี่ยนเครื่องบินประจำการและการเติบโตของเน็ทเวิร์คการให้บริการทำให้แควนตัส กรุ๊ป มีอัตราการจ้างงานนักบินและการอบรมนักบินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 แควนตัส กรุ๊ป ได้จ้างนักบินใหม่ในออสเตรเลีย 600 คน ส่วนปีงบประมาณนี้จะจ้างเพิ่มอีก 350 คน รวมทั้งใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท (20 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) จัดตั้งสถาบันการบิน แควนตัส กรุ๊ป ไพล็อท อะคาเดมี่ (Qantas Group Pilot Academy) ขึ้นในปี พ.ศ.2562 โดยระยะแรกจะสามารถผลิตนักบินที่ผ่านการอบรมสำหรับแควนตัส กรุ๊ปได้ปีละถึง 100 คน และจากนั้นจะสามารถเป็นศูนย์อบรมสำหรับนักบินในภูมิภาค
การลงทุนด้านการบริการ
แควนตัส กรุ๊ป ประกาศลงทุนเพิ่มเติมสำหรับผู้โดยสารรวมถึง การปรับปรุงห้องพักผู้โดยสารในสนามบินซิดนีย์ พร้อมพื้นที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 30
ปรับปรุงภายในห้องโดยสารเครื่องบินเทอร์โบพล็อพสายการบินแควนตัส ลิ้งค์ จำนวน 45 ลำ เดินหน้าเปิดให้บริการอินเทอร์เน็ทไวไฟในเส้นทางภายในประเทศเฉลี่ย 1 ลำต่อสัปดาห์ โดยมีให้บริการแล้วในเครื่องบินโบอิ้ง 737 จำนวน 22 ลำ พัฒนาโครงการซันไรส์เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการเที่ยวบินตรงจากฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียไปยังกรุงลอนดอนและนิวยอร์กภายในปี พ.ศ.2565
ภาพรวม
แควนตัส กรุ๊ป คาดว่าอัตราการเติบโตของผู้โดยสารจะเป็นไปในทิศทางบวกสอดคล้องกับภาพรวมทั่วโลก โดยในครึ่งปีหลังของปีงบประมาณ 2561 การดำเนินงานของแควนตัส กรุ๊ป จะอยู่ที่ราวร้อยละ 1 แควนตัสเส้นทางบินภายในประเทศจะลดลงราวร้อยละ 1 การดำเนินงานของแต่ละธุรกิจจะมีอัตราการเติบโต ในส่วนของเส้นทางบินต่างประเทศคาดว่าจะดีขึ้นราวร้อยละ 2-3 เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีอัตราการเติบโตร้อยละ 5 ในส่วนของแต่ละหน่วยธุรกิจคาดว่ายังคงเติบโตต่อไป สำหรับในปีงบประมาณ 2561 คาดว่าค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันจะไม่น้อยกว่า 81,000 ล้านบาท (3,240 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) และในปีงบประมาณนี้จะได้รับประโยชน์จากโครงการปรับปรุงต่างๆ กว่า 10,000 ล้านบาท (2,240 ดอลลาร์ออสเตรเลีย) ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนสุทธิของการขายสินทรัพย์สำหรับปีงบประมาณ 2561 และ 2562 รวมกันจะอยู่ที่ราว 75,000 ล้านบาท (3,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย)
รายละเอียดภาคผนวกผลการดำเนินงาน
ผลการดำเนินของแควนตัส กรุ๊ป เส้นทางบินภายในประเทศออสเตรเลีย
สายการบินแควนตัสและสายการบินเจ๊ทสตาร์เส้นทางบินภายในประเทศออสเตรเลียมีผลประกอบการรวมกันสูงสุดในครึ่งปีแรกด้วยกำไรก่อนดอกเบี้ย 16,300 ล้านบาท (652 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) โดยแควนตัสเส้นทางบินภายในประเทศออสเตรเลียมีผลกำไรก่อนดอกเบี้ย 11,175 ล้านบาท (447ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 รายได้ต่อหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 และอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 ไปอยู่ที่ 78.7 ส่วนการดำเนินงานของเจ๊ทสตาร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 7
ผลการดำเนินของแควนตัส กรุ๊ป เส้นทางบินต่างประเทศ
แม้จะประสบกับอัตราราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น แต่การดำเนินงานของทั้งสายการบินแควนตัสและสายการบินเจ๊ทสตาร์ยังคงเป็นไปได้ด้วยดี โดยแควนตัสเส้นทางบินต่างประเทศมีกำไรก่อนดอกเบี้ย 5,500 ล้านบาท (222 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ลดลงร้อยละ 5.5 อย่างไรก็ตามรายได้ต่อหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 และความสามารถในการบรรทุกผู้โดยสารเท่ากับร้อยละ 84.4 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1
การดำเนินงานของเจ๊ทสตาร์เส้นทางบินต่างประเทศมีความแข็งแกร่งซึ่งเป็นผลจากการนำเอาเครื่องบินโบอิ้ง787-8 มาให้บริการ อย่างไรก็ตามก็ได้รับผลกระทบจากเถ้าของภูเขาไฟที่ปะทุในบาหลีคิดเป็นเงินราว 250 ล้านบาท (10 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) สำหรับเจ๊ทสตาร์ในภูมิภาคเอเชียมีกำไรจากตลาดประเทศญี่ปุ่นและสิงคโปร์ รวมถึงเจ๊ทสตาร์แปซิฟิกในประเทศเวียดนาม
รอยัลตี้
แควนตัส รอยัลตี้ มีผลประกอบการดำเนินงานครึ่งปีแรกด้วยกำไร 4,600 ล้านบาท (184 ดอลลาร์ออสเตรเลีย) เพิ่มขึ้นร้อนละ 1.7 แม้รายได้จะได้รับผลกระทบบ้างจากระเบียบการเปลี่ยนแปลงค่าบริการ แต่โดยภาพรวมผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจจากผลการดำเนินงานของโปรแกรมมสะสมคะแนน แควนตัส ฟรีเคว่น ฟลายเออร์ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 แพลททินั่มเครดิตการ์ดของแควนตัสที่ออกในประเทศออสเตรเลียซึ่งเปิดตัวในเดือนธันวาคม 2560 และเป็นบัตรที่มีค่าบริการไม่แพง ยังคงมีอัตราการเติบโตต่อไป โดยโดยขณะนี้มีคะแนนสะสมมากกว่า 1,000 ล้านคะแนนเรียบร้อยแล้ว
ในส่วนของ แควนตัส บิสสิเนส รีวอร์ด (Qantas Business Rewards) ที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจเล็กๆ ให้สามารถสะสมคะแนนได้เมื่อใช้จ่ายปรากฏว่ามีรายได้เพิ่มขึ้นจากโปรแกรมที่ทำร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ รวมทั้งมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นจากสายการบิน ธุรกิจขนาดกลาง และธุรกิจขนาดย่อม
สำหรับอัตราการเติบโตของธุรกิจร่วมทุนใหม่ๆ และโปรแกรมสะสมคะแนนตลอดระยะเวลา 5 ปีนี้ ไปจนถึงปีพ.ศ.2565 คาดว่าจะอยู่ที่ราวร้อยละ 7-