กรุงเทพฯ--4 ต.ค.--เวเบอร์ แชนด์วิค
มร. คีธ เนรูดา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์สำหรับประเทศไทยของยูบีเอส เผยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อหุ้นของนักลงทุนไทยเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยสามารถปรับมุมมองในระยะยาวเหนือการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆในปัจจุบันได้ แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะยังคงอ่อนตัว แต่ปัจจัยด้านลบจากการเติบโตที่ชะลอตัวลงและความไม่แน่นอนทางการเมืองดูเหมือนจะเริ่มคลี่คลายและไม่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดช่วงปี 2551
มร. เนรูดา ระบุในรายงานล่าสุดของเขา เรื่อง “ยุทธศาสตร์ในการลงทุนในหลักทรัพย์ไทย” ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมาว่า นักลงทุนไทยเริ่มหันมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในที่สุด ซึ่งเป็นเหตุผลที่ดีที่จะเชื่อได้ว่าตลาดหุ้นไทยสามารถปรับมุมมองใหม่ให้เหนือกว่าช่วงที่มีการเคลื่อนไหวในการซื้อขายหุ้นอยู่ในกรอบแคบๆ ที่มีค่าเสียโอกาสหรือส่วนลดของราคาตลาดและกำไรสุทธิต่อหุ้นของเอเชียที่ร้อยละ 33 เมื่อไม่นานมานี้ได้
“ตลาดหลักทรัพย์ไทยติดอยู่ในช่วงการซื้อขายในกรอบแคบๆ ตั้งแต่ปี 2547 ภายใต้เป้าหมายดัชนีที่ระหว่างร้อยละ 15 - 30 อันพิจารณาจากดัชนีที่เพิ่มขึ้นและภาพรวมทั้งหมด ซึ่งจากการวิเคราะห์นี้แสดงถึงตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันว่าอยู่ในระดับสูงกว่ากรอบการซื้อขายตามทฤษฎีที่ร้อยละ 2.3 นอกจากนั้น ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดของส่วนลดราคาต่อกำไรสุทธิในเอเชีย พิจารณาจากเมื่อต้นปี 2547 ที่ประเทศไทยมีการลดราคาของไทยอยู่ที่ร้อยละ 10 ได้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 33 ในปัจจุบัน”
มร.เนรูดา เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยอยู่ในสภาวะการปรับมุมมองอย่างเงียบๆ เหนือระดับการซื้อขายในกรอบแคบๆ ที่ผ่านมา และการปรับมุมมองนี้จะดำเนินต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ข้อมูลสำคัญที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในการเคลื่อนไหวของตลาดคือ การที่นักลงทุนภายในประเทศได้ให้การสนับสนุนตลาดแม้ว่าจะมีตัวเลขการถอนทุนของจากต่างชาติก็ตาม ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมตลาดหุ้นไทยโตขึ้นร้อยละ 5 แม้ยอดการถอนทุนคืนจากต่างชาติสูงจะถึง 7.4 พันล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกัน
มร.เนรูดา กล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตาม การปรับมุมมองตลาดหุ้นไทยนั้นก็ยังคงมีความเสี่ยง เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นยังคงอ่อนตัว โดยเฉพาะในส่วนของการบริโภคและการลงทุนส่วนบุคคล ซึ่งมีการเติบโตเพียงร้อยละ 1.4 ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2550”
มร. เนรูดา ระบุว่า “แม้เราไม่มีหลักฐานที่จะแสดงถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศและสภาพทางการเมืองก็ยังคงมีความวุ่นวายอยู่ อย่างไรก็ตาม การปรับมุมมองโดยรวมของตลาดหลักทรัพย์ไทยได้ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 827 จุด ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาเป็น 922 จุดในปัจจุบัน นอกจากนั้น เรายังเห็นสัญญาณที่ค่อนข้างดีของการยอดขายรถยนต์หลังจากมีการลดลงในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเรามองว่าข้อมูลนี้นับเป็นตัวบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของการบริโภคและจับจ่ายใช้สอยส่วนบุคคลได้”
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับอนาคตมีค่อนข้างต่ำ แม้ว่าจะไม่มีความเสี่ยงชัดเจนในประทศไทยในขณะนี้ เมื่อเทียบกับสถานการณ์เมื่อสิบปีที่แล้ว
มร.เนรูดา กล่างเพิ่มเติมว่า “แม้ว่าเราจะไม่แน่ใจในผลการเลือกตั้งที่จะมาถึง เราก็มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าการเลือกตั้งจะช่วยกระตุ้นตลาด และคาดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะได้รับการยอมรับในเชิงบวกมากขึ้น”
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
Ms. Rachel Lin โทร. +65 6495 8633Email: rachel.lin@ubs.com กมลวรรณ ทันศรี และ ชัญญณัฐ วิทย์วโรปกรณ์
เวเบอร์ แชนด์วิค โทร. 02 343 6057, 02 343 6062 E-mail: kamonwan@webershandwick.com hunyanut@webershandwick.com