SCN ตั้งเป้าปี 61 ทำผลการดำเนินงานนิวไฮ รับ 3 ปัจจัยบวก จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติ-รถเมล์ NGV และร่วมมือบริษัทชั้นนำจากญี่ปุ่นขายนวัตกรรมแห่งชาติเจาะตลาดโลก พร้อมจ่ายเงินปันผลปี 60 ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 23, 2018 11:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย 'บมจ.สแกน อินเตอร์ หรือ SCN' ตั้งเป้าปี 61 ทำรายได้นิวไฮ รับ 3 ปัจจัยบวก จากกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติที่สร้างรายได้สม่ำเสมอเติบโตต่อเนื่อง แถมรับรู้รายได้โครงการรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน และจับมือ 'โซจิตสึ คอร์ปอเรชั่น' ยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น ทำตลาดและจำหน่ายถังคอมโพสิตบรรจุก๊าซธรรมชาติอัดที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ (ถัง CNG Type IV) เจาะตลาดต่างประเทศทั่วโลกหนุนยอดขายเติบโต หลังผลการดำเนินงานปี 2560 ทำรายได้รวม2,515 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 217 ล้านบาท ด้านบอร์ดบริหารฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น ดร.ฤทธี กิจพิพิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯ ตั้งเป้าทำรายได้นิวไฮ หรือมีรายได้เติบโต 40% จาก 3 ปัจจัยบวก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income) ยังมีอัตราการเติบโตที่ดี ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจ iCNG หรือธุรกิจก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม จะเติบโตจากขยายฐานลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมรายใหม่ๆ ขณะที่กลุ่มธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์จะทำรายได้เพิ่มขึ้นจากการทยอยเปิดให้บริการสถานีใหม่ๆ เพิ่มเติมให้ครบทั้ง 13 แห่งภายในปีนี้จากปัจจุบันที่มีอยู่ 7 แห่ง รวมถึงความร่วมมือกับ 'บางจาก' เริ่มต้นติดตั้งหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมนำแบรนด์บางจากเข้าไปใช้ในสถานีก๊าซ NGV ของ SCN จำนวน 3 แห่ง ที่ขอนแก่น ปราจีนบุรีและระยอง รวมทั้งมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจรีเทลเข้ามาช่วยเสริม ส่วนธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีการเข้าซื้อกิจการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจำนวน 1 โรง มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 1 เมกะวัตต์ ทำให้ ณ ปัจจุบัน SCN มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 2 โรง รวม 6 MW จะสนับสนุนการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่ผลการดำเนินงานในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากการดำเนินโครงการจัดหารถเมล์ NGV พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษาจำนวน 489 คัน ให้แก่ ขสมก. มูลค่าโครงการ4,261 ล้านบาท ซึ่งดำเนินงานภายใต้ กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO นั้น คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้จากการส่งมอบรถเมล์ NGV คิดเป็นมูลค่า 1,891 ล้านบาทได้ภายในไตรมาส 1-2 ของปีนี้ทั้งหมด กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCN กล่าวว่า บริษัทฯ ยังได้เซ็นสัญญาแต่งตั้ง 'โซจิตสึ คอร์ปอเรชั่น' ซึ่งเป็นบริษัทจัดหาสินค้าและบริการครบวงจรรายใหญ่ของโลกจากประเทศญี่ปุ่น เป็นตัวแทนจำหน่ายนวัตกรรมของ SCN ไปยังต่างประเทศ เพื่อจำหน่ายถังคอมโพสิตบรรจุก๊าซธรรมชาติอัด หรือ ถัง CNG Type IV ที่ SCN เป็นผู้พัฒนาและผลิตขึ้นและได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านเศรษฐกิจ โดยตัวถังบรรจุก๊าซมีคุณสมบัติความทนทานสูง น้ำหนักเบา ช่วยลดต้นทุนการขนส่งก๊าซธรรมชาติลงกว่าเดิมถึง 3 เท่า ไปยังตลาดเวียดนามและอินโดนีเซียอย่างจริงจังและจะขยายไปยังตลาดต่างประเทศทั่วโลกภายในปีนี้ มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าแน่นอน "ปี 2561 เราตั้งเป้าผลการดำเนินงานจะทำนิวไฮ จาก 3 ปัจจัยหลักในการดำเนินธุรกิจ โดยรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติที่สร้างรายได้สม่ำเสมอมีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้น และรับรู้รายได้จากโครงการรถเมล์ NGV ที่จะส่งมอบรถทั้งหมดภายในกลางปีนี้ รวมถึงการเป็นพันธมิตรกับ 'โซจิตสึ' เพื่อทำตลาดและจำหน่ายถัง TYPE IV ในตลาดโลกนั้น จะผลักดันการเติบโตได้ตามแผนงาน" ดร.ฤทธี กล่าว ส่วนผลการดำเนินงานปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,515 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติที่สร้างรายได้สม่ำเสมอยังมีอัตราการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจ iCNG ที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กลุ่มธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติNGV สำหรับยานยนต์ ที่ปัจจุบันเปิดให้บริการอยู่ 7 แห่ง และธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ที่ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2560 มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 5 MW จำนวน 1 โรง ก็ช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่ผลการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี สำหรับกำไรสุทธิในปี 2560 นั้น บริษัทฯ ทำได้ 217 ล้านบาท ลดลง 29% ซึ่งมีปัจจัยกดดันจากกลุ่มธุรกิจผลิต ออกแบบ รับเหมา ติดตั้งและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ก๊าซ (EPC) ที่ชะลอตัว หลังปรับแผนบริหารจัดการด้านบุคลากรมาเร่งดำเนินการก่อสร้างสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV ที่ SCN เป็นผู้ลงทุนเองให้แล้วเสร็จตามแผน เพื่อสร้างความมั่นคงของรายได้ในระยะยาว รวมถึงงานที่ส่งมอบให้แก่ลูกค้านั้นมีอัตราเฉลี่ยกำไรขั้นต้นลดลง จึงทำให้ผลการดำเนินงานจากกลุ่มธุรกิจ EPC ชะลอตัวและส่งผลกระทบต่อผลกำไรโดยรวม อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานรอบปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท รวมเป็นเงิน 120 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 และปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อในวันที่8 พฤษภาคม 2561 พร้อมกำหนดจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 พฤษภาคม 2561

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ