กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) ผู้นำธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ภาคพื้นดิน ทางเรือและทางอากาศอย่างครบวงจร (Total Logistics Solutions Provider) โชว์กำไรสุทธิปี 2560 ทำสถิติสูงสุดที่ 612.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 8.9 ล้านบาท หลังธุรกิจหลัก เช่น ห้องเย็น ขนส่งสินค้า โลจิสติกส์ยานยนต์ คลังสินค้าอันตราย เติบโตอย่างโดดเด่น แถมบันทึกกำไรพิเศษจากการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 2,963 ล้านบาท เติบโต 32% สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากงวดผลการดำเนินงานไตรมาส 4 อีก 0.10 บาทต่อหุ้น ด้านผู้บริหารมั่นใจปี 61 เติบโตต่อเนื่อง พร้อมคาดไตรมาสแรกได้ปัจจัยหนุนจากธุรกิจหลักที่ขยายตัวได้ดี
ดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้นำธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจร (Total Logistics Solutions Provider) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 สามารถสร้างการเติบโตเป็นที่พอใจ โดยมีรายได้รวม 1,144.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 571.7 ล้านบาทและเพิ่มขึ้น 76% จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 647.9 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 465.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 996% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 42.5 ล้านบาทและยังสูงกว่า 724% จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 56.5 ล้านบาท ปัจจัยมาจากผลการดำเนินงานของธุรกิจหลักที่ขยายตัวได้ดีและการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ ธุรกิจรับขนย้ายบ้านและสำนักงาน ธุรกิจห้องเย็น และธุรกิจขนส่งสินค้าในประเทศและข้ามแดน ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 42%, 37.5% และ 22.8% ตามลำดับ โดยเฉพาะธุรกิจห้องเย็นที่ฟื้นตัวจนใกล้เข้าสู่สภาวะปกติหลังได้รับผลกระทบจากปัญหา IUU Fishing ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ การเติบโตที่ดีดังกล่าวส่งผลให้ผลการดำเนินงานปี 2560 ของ JWD สามารถทำกำไรสุทธิเป็นสถิติสูงสุดใหม่ที่ 612.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนอยู่ที่ 8.9 ล้านบาทเนื่องจากการตั้งประมาณการหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นและมีค่าใช้จ่ายพิเศษ 2 รายการ ขณะที่รายได้รวมทำได้ 2,963 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 2,251 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่บริษัทฯ เคยตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 7% อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ กำไรสุทธิในปี 2560 ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดนั้น มาจาก 2 ปัจจัยหลักคือ บริษัทฯ ได้บันทึกกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นจากการขายทรัพย์สินให้แก่กองทรัสต์เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท หรือ 'AIMIRT' ประมาณ 415.1 ล้านบาท และส่วนที่เหลืออีกประมาณ 197.0 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายพิเศษ) มาจากการดำเนินงานปีที่ผ่านมาที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งเกือบทุกธุรกิจ เช่น ธุรกิจห้องเย็นที่มีรายได้เติบโต 20.6% จากความต้องการเช่าห้องเย็นกลับเข้ามาอย่างรวดเร็วหลังเกิดปัญหา IUU Fishing เนื่องจาก JWD เป็นห้องเย็นรายแรกในมหาชัยที่ได้ใบรับรอง MSC Certificate, ธุรกิจขนส่งสินค้าในประเทศและข้ามแดนเติบโต 20.1% จากงานขนส่งข้ามแดนและขนส่งด่วน JWD Express, ธุรกิจรับรับฝากและบริหารยานยนต์เติบโต13.2% เนื่องจากการขยายฐานลูกค้าใหม่และได้งานจากลูกค้าเดิมเพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการร่วมทุนกับสยามกลการอุตสาหกรรม คลังสินค้าอันตรายเติบโต8.7% จากปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ผ่านเข้า-ออกในเขตท่าเรือแหลมฉบังที่เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจรับจัดเก็บเอกสารและข้อมูล และธุรกิจรับขนย้ายบ้านและสำนักงานก็มีอัตราเติบโตที่ดีเช่นกัน
ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2560 จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวด 3เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 4 เดือนพฤษภาคม 2561 ปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิ์รับเงินปันผลในวันที่ 7 เดือนพฤษภาคม 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 เดือนพฤษภาคม 2561 ซึ่งเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลงวดผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2560 (มกราคม-กันยายน 2560) ที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาทต่อหุ้น เท่ากับปี 2560 JWD ได้จ่ายเงินปันผลรวมในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจที่จะสร้างผลการดำเนินงานปี 2561 เติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 1/61 จะได้รับผลดีจากธุรกิจห้องเย็นที่มีลูกค้าต้องการเช่าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากห้องเย็นที่มหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร ที่มีอัตราการใช้พื้นที่เกือบเต็มความจุในปัจจุบัน ส่วนห้องเย็นเฟสใหม่ที่สุวินทวงศ์ที่เปิดให้บริการปลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีอัตราการใช้พื้นที่แล้วประมาณ 50% จากพื้นที่รวม 2,800 ตารางเมตร ส่วนธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์จะได้รับผลดีจากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นหลังจากอุตสาหกรรมยานยนต์มีแนวโน้มฟื้นตัวในปีนี้
ขณะที่ธุรกิจคลังสินค้าอันตรายจะได้รับผลดีจากปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ผ่านเข้า-ออกท่าเรือแหลมฉบัง คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์ (JWD Chemical Supply Chain หรือ JCS) ที่มีปริมาณสินค้าเต็มความจุเต็มพื้นที่ ปัจจุบันจึงอยู่ระหว่างการติดตั้งชั้นวางสินค้า (Racking) เพิ่มเติม ซึ่งสามารถเพิ่มความจุสินค้าขึ้นอีกกว่า 1.5เท่า คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/61 นอกจากนี้ จะได้รับผลดีจากธุรกิจในต่างประเทศที่ขยายการลงทุนช่วงก่อนหน้านี้
"เรามั่นใจว่าจะเห็น JWD เติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งจากการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นและขยายการลงทุนในธุรกิจหลักที่ดำเนินการในปัจจุบัน เช่น การลงทุนขยายพื้นที่ห้องเย็น, การเพิ่มฟลีทรถขนส่งสินค้ารองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และการลงทุนขยายธุรกิจในไทยและต่างประเทศ เช่น การซื้อกิจการโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงมีแผนขายทรัพย์สินเพิ่มเติมให้แก่กองทรัสต์เพื่อระดมทุนนำมาใช้ขยายธุรกิจและเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน" นายชวนินทร์ กล่าว