กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--image solution
กรมส่งเสริมการเกษตร จัดใหญ่ "วิสาหกิจชุมชนแฟร์ 2018" ดึงนวัตกรรม และเครื่องมือทางการตลาดสร้าง "Smart Products by วิสาหกิจชุมชน" หวังเพิ่มมูลค่าสินค้า หนุนเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจมากกว่า 2.55 หมื่นล้านบาท
ว่าที่ร้อยตรี ดร.สมสวย ปัญญาสิทธิ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ปัจจุบันวิสาหกิจชุมชน ถือเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ สามารถสร้างรายได้ต่อปีมากกว่า 2.55 หมื่นล้านบาท จากการรวมตัวของกลุ่มวิสาหกิจกว่า 8.5 หมื่นแห่ง มีสมาชิกกว่า 1.4 ล้านคน โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ยังคงวางเป้าหมายส่งเสริมศักยภาพของวิสาหกิจชุมชน เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ ให้สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี
"ที่ผ่านมาสินค้าจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมีการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเรามีวิสาหกิจชุมชนต้นแบบถึง 462 แห่ง เป็นต้นแบบทั้งในด้านของการพัฒนาสินค้าด้วยนวัตกรรม การพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการ และการใช้เครื่องมือทางการตลาดในการประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งกรมฯ ตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนวิสาหกิจชุมชนต้นแบบเหล่านี้เฉลี่ยอีกปีละ 77 แห่ง เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของวิสาหกิจชุมชน และกลายเป็นสินค้าหลักในการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายรัฐบาล" รองอธิบดี กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาองค์ความรู้ด้านนวัตกรรม ด้านแนวทางทำการตลาด และต่อยอดการเจรจาธุรกิจสู่เวทีการค้าโลก ส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนเข้มแข็งมากขึ้น กรมฯ ได้เตรียมจัดงาน "วิสาหกิจชุมชนแฟร์ 2018"ภายใต้แนวคิด "Smart Products by วิสาหกิจชุมชน" ระหว่างวันที่ 22 – 25 กุมภาพันธ์นี้ ณ เพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้เข้าร่วมงานจะได้พบกับนิทรรศการแสดงความเป็นวิสาหกิจชุมชน ตลอดจนการจัดแสดงสินค้าจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ และการเปิดเวทีเจรจาธุรกิจ
ขณะที่ ภาพรวมการจัดงานในวันแรก (22 กุมภาพันธ์ 2561) มีจำนวนผู้เข้าชมงานรวมกว่า 1.7 พันคน สร้างเงินสะพัดให้กับวิสาหกิจชุมชนมากกว่า 2.5 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นเงินสะพัดภายในงานรวม 2.1 ล้านบาท และยอดสั่งซื้อล่วงหน้าอีกราว 1แสนบาท ส่งผลให้การจัดงานครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งแรงสำคัญในการเปิดโอกาสการค้า และต่อยอดธุรกิจของผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาไทยอย่างแท้จริง ตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันศักยภาพเพื่อสร้างรายได้จากเศรษฐกิจฐานรากเป็นแรงสำคัญของเศรษฐกิจไทย
สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย
1) นิทรรศการแสดงความเป็นวิสาหกิจชุมชนและกระบวนการพัฒนาสินค้าและบริการของวิสาหกิจชุมชนสู่ Smart Product ซึ่งคัดสรรต้นแบบวิสาหกิจชุมชนที่ประสบความสำเร็จ ในด้านการพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการกลุ่มและเครือข่าย การสร้างโอกาสด้านการตลาด การสร้างความเข็มแข็งให้ชุมชน อาทิ วิสาหกิจชุมชนชีววิถีตำบลน้ำเกี๋ยน อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน วิสาหกิจชุมชนโรงสีข้าวชาวนาตราด อำเภอเมือง จังหวัดตราด วิสาหกิจชุมชนบ้านกุ่มพัฒนา จังหวัดราชบุรี และวิสาหกิจชุมชนศูนย์ส่งเสริมและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวตำบลผักไหม จังหวัดศรีสะเกษ เป็นต้น
2) การจัดแสดงสินค้า Smart Products by วิสาหกิจชุมชน ซึ่งเป็นพื้นที่คัดสรรสินค้าวิสาหกิจชุมชนมาจัดแสดงทั้งสินค้าเกษตรแปรรูป พืชผัก อาหาร สมุนไพรประจำถิ่น สุดยอดงานดีไซด์ผ้าฝ้ายและผ้าไหม งานศิลปะประดิษฐ์ตกแต่ง ของฝากของที่ระลึกต่างๆ
3) พื้นที่ขายสินค้าวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการคัดสรรจากทั่วประเทศมาจำหน่ายกว่า 200 ร้านค้า ทั้งอาหารสดและแปรรูป เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และสินค้านวัตกรรมต่างๆ อาทิ ปลาร้าผง ชีสมังคุด แครกเกอร์ธัญพืชทุเรียน ผ้าบาติกน้ำเต้าหู้ มะเฟืองมหัศจรรย์ และ เครื่องประดับปีกแมลงทับ
4) กิจกรรมบนเวที การสาธิต การเสวนาวิชาการ เปิดเวทีสาธิตการพัฒนาสินค้าจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน อาทิ กิจกรรมสาธิตการทำพวงกุญแจจากรังไหม กิจกรรมสาธิตศิลปะประดิษฐ์จากดินไทย กิจกรรมสาธิตผ้าเช็ดหน้าบาติก รวมทั้งการเสวนาวิชาการจากกูรูชื่อดังด้านการตลาดในหัวข้อ Smart idea ชี้ช่องธุรกิจสินค้าวิสาหกิจชุมชน โดย อ.ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย และกิจกรรมความบันเทิงบนเวทีอีกมากมาย ทั้งมินิคอนเสิร์ตลิปตา, แช่ม แช่มรัมย์ และนนท์ เดอะว้อยซ์
นอกจากนี้ ตลอดการจัดงานยังมีช่วงเวลานาทีทอง จำหน่ายสินค้าคุณภาพสูงในราคาพิเศษ กิจกรมจับรางวัล และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการซื้อสินค้า กรมส่งเสริมการเกษตรได้ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารกรุงไทย จัดช่องทางชำระเงินผ่าน QR-Code ซึ่งถือเป็นทางเลือกในการชำระเงินที่สะดวกและปลอดภัย