กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--IR network
บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) โชว์ผลประกอบการงวดปี 2560 กำไรพุ่งแตะ 131.96 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 131.50% ส่วนรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 15,512.82 ล้านบาท เหตุบริษัทมีความสามารถในการบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น "ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง" ระบุนับจากนี้เดินหน้าลุยธุรกิจตามแผน เพื่อให้บรรลุเป้าเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานอย่างครบวงจร หนุนผลงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากกว่าที่เป็นอยู่ พร้อมวางเป้ายอดขายปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 3%
คุณชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดปี 2560 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560) ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 131.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.95 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 131.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 57 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 15,512.82 ล้านบาท ขณะที่รายได้อื่นๆ เท่ากับ 234.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.10%
ทั้งนี้ บริษัทฯยังคงมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งด้วยสินทรัพย์จำนวน 5,611.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.40% โดยส่วนใหญ่มาจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่เพิ่มขึ้น สาเหตุหลักมาจากการที่กลุ่มบริษัทฯ มีเงินสดที่ได้รับจากการดำเนินงาน
"ปัจจัยที่ทำให้ผลการดำเนินงานงวดปี 2560 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เป็นเพราะกลุ่มบริษัทมีความสามารถในการบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับมีแผนธุรกิจและทิศทางการเติบโตชัดเจน ขณะที่ผลิตภัณฑ์และการบริการสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดและทันเวลา ทำให้ WP สามารถรักษามาตรฐานการดำเนินธุรกิจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาทีมผู้บริหาร มีความมุ่งมั่นที่จะบริหารธุรกิจให้เติบโตทั้งในส่วนของกำไรและรายได้ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ถือหุ้น และต่อจากนี้จะได้เห็น WP เติบโตอย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น"คุณชมกมลกล่าว
สำหรับภาพรวมธุรกิจของ WP ในปี 2561 คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือความต้องการใช้ LPG ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้ตลาดก๊าซ LPG กลับมาคึกคักได้อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้บริษัทฯคาดว่ายอดขายรวมจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 3%
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังคงเดินหน้าลุยธุรกิจตามแผน ในการสร้างคลังกระจายสินค้าแห่งใหม่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ จากปัจจุบันมีคลังกระจายสินค้า อยู่จำนวนทั้งสิ้น 5 แห่ง ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่อำเภอบางปะกง แบ่งเป็น 2 เฟส (อยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณาก่อสร้างเพิ่มอีก 1 เฟส),จังหวัดขอนแก่น ที่อำเภอบ้านแฮด 1 แห่ง และที่อำเภอท่าพระ 1 แห่ง,จังหวัดสมุทรสงคราม ที่อำเภอบางจะเกร็ง 1 แห่ง และที่อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง 1 แห่ง รวมถึงมีแผนขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนใหม่ (CLMV) โดยล่าสุดได้ขยายตลาดไปที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และมีแผนขยายตลาดไปที่สปป.ลาว เพิ่มเติม