กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--ททบ.
พลโท กิตติเชษฐ์ ศรดิษฐพันธ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานศูนย์ข่าวภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ และ จ.พิษณุโลก รวมทั้งสถานีโครงข่ายโทรทัศน์ดิจิตอลในพื้นที่ภาคเหนือทั้งตอนบนและตอนล่าง รวม 11 จังหวัด เพื่อเป็นการตรวจสอบคุณภาพการปฏิบัติงาน ทั้งด้านการส่งสัญญาณโทรทัศน์ ผ่านโครงข่ายทีวีดิจิตอลและการปฏิบัติงานของศูนย์ข่าว ที่จะตอบสนองนโยบายด้านความมั่นคงผ่านการสื่อความเข้าใจ การกระจายข้อมูลข่าวสาร จากส่วนภูมิภาคอย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพนอกจากนี้ยังเป็นการรับฟังข้อมูลการปฏิบัติงานและสร้างขวัญกำลังใจแก่บุคลากรที่ปฏิบัติงานในส่วนภูมิภาค เมื่อวันที่ 22 - 23 ก.พ.ที่ผ่านมา
ททบ.5 นับเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ดิจิตอลที่ใหญ่ที่สุด โดยให้บริการถึง 2 โครงข่าย คือ มักซ์ 2 และ มักซ์ 5 โดยมีสถานีโทรทัศน์มาใช้บริการรวม 14 สถานี ซึ่งการให้บริการดังกล่าวจะต้องมีความครอบคลุมชัดเจนตามกรอบมาตรฐานของ กสทช. ซึ่ง ททบ.5 ได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้คุณภาพการส่งสัญญาณสามารถเข้าถึงประชากรครัวเรือนได้ครอบคลุมทั่วถึง โดยปัจจุบันรวมทั้งการส่งสัญญาณกว่า 95% ของประเทศ ทั้งนี้ ททบ.5 จะยุติการออกอากาศประเภทอะนาล็อกในเดือนมิถุนายน 2561 หลังออกอากาศคู่ขนานทั้ง 2 ระบบ มาตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งเป็นไปตามโรดแมพที่เสนอต่อ กสทช. และสอดคล้องกับคุณภาพการส่งสัญญาณดิจิตอลที่ครอบคลุมทุกพื้นที่โดยครบถ้วน
ปัญหาการส่งสัญญาณในพื้นที่ภาคเหนือ มักเป็นเรื่องสภาพอากาศพายุฝนฟ้าคะนองทำให้เครื่องส่งสัญญาณขัดข้อง ซึ่ง ททบ.5 มีเจ้าหน้าที่ประจำในทุกสถานีโครงข่ายสามารถปฏิบัติงานเข้าแก้ไขได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมระบบไฟฟ้าสำรองและการส่งสัญญาณสำรอง เพื่อให้สามารถดำรงการออกอากาศได้ต่อเนื่องทุกสถานการณ์ ทั้งนี้จะต้องสามารถแก้ไขข้อขัดข้องได้เร็วที่สุดภายในวันนั้น
พลโท กิตติเชษฐ์ ศรดิษฐพันธ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก กล่าวถึงแผนการพัฒนาโครงข่ายทีวีดิจิตอลในปีนี้ว่า ได้รับการอนุมัติจากบอร์ด คณะกรรมการบริหารกิจการโทรทัศน์กองทัพบก (กบท.ทบ.) ให้ ททบ.5 ติดตั้งสถานีเสริมสำรองในพื้นที่กรมการทหารสื่อสาร โดยจะเริ่มดำเนินการภายในปีนี้ เพื่อให้เกิดความเสถียร ความต่อเนื่อง และความมั่นคงในกระบวนการส่งสัญญาณ อีกทั้งยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวอีกด้วย สำหรับงบประมาณที่จะใช้ในการติดตั้งสถานีเสริมสำรองในครั้งนี้ ภายในวงเงิน 40 ล้านบาท
สำหรับนโยบายด้านการผลิตข่าวในส่วนภูมิภาคนั้น กำหนดให้ทุกศูนย์ข่าวจะต้องติดตามภารกิจสำคัญของรัฐบาล ส่วนราชการ และภาคประชาสังคม ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทุกสาระสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและอยู่ในความสนใจของประชาชน อีกทั้งยังต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ความแตกแยกในทุกภาคส่วน เนื่องจากปัจจุบันประชาชนสามารถติดตามข่าวสารได้ทุกช่องทาง โดยเฉพาะกลุ่มโซเชียลมีเดีย อันอาจทำให้เกิดความหลากหลายและขณะเดียวกันอาจเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนสับสน โดยมองว่า ททบ.5 เป็นทีวีด้านความมั่นคงจะต้องเป็นสื่อในการนำเสนอหลักที่มีความน่าเชื่อถือและจรรโลงสังคมพร้อม ๆ กัน
แผนการตรวจเยี่ยมสถานีโครงข่ายฯ และศูนย์ข่าว ครั้งต่อไปจะเป็นทั้งที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ก่อนจะยุติระบบอะนาล็อก ตามแผนงานในเดือนมิถุนายน 2561