ประธาน ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยตลาดทุนไทยยังทำหน้าที่เสาหลักเศรษฐกิจไทยที่ดี

ข่าวทั่วไป Monday September 24, 2007 09:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--ตลท.
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้ความเห็นว่า ตลาดทุนไทยนับว่าได้ทำหน้าที่ในการเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการระดมทุนเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของภาคธุรกิจ ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศจะเป็นเช่นใด ดังนั้น จึงถือได้ว่า ตลาดทุน มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และได้รับการดูแลให้มีการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพมาโดยตลอด
ตลาดทุนไทยได้ทำหน้าที่อย่างแข็งขันในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นเช่นใด ภาคธุรกิจสามารถพึ่งพิงตลาดทุนเพื่อขยายการดำเนินงานได้โดยไม่จำกัด โดยการระดมทุนจากตลาดทุน โดยไม่จำกัดเฉพาะการกู้เงินจากธนาคารอย่างเดียวนั้น มีส่วนช่วยให้อัตราส่วนหนี้ต่อทุนของบริษัทอยู่ในระดับที่เหมาะสม ทำให้บริษัทไม่มีความเสี่ยงทางการเงินมากจนเกินไป การมีตลาดทุน จึงมีส่วนสำคัญยิ่งที่จะทำให้ธุรกิจสำคัญของประเทศขยายตัว ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตในที่สุด” นายปกรณ์กล่าว
ที่ผ่านมา ตลาดทุนได้ทำหน้าในการเป็นเสาหลักที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย โดยในช่วง 10 ปี หลังวิกฤติเศรษฐกิจ จะเห็นว่ามีการระดมทุนจากภาคธุรกิจผ่านตลาดทุนเพิ่มขึ้นถึงกว่า 1.7 ล้านล้านบาท หากเทียบกับสินเชื่อสุทธิที่ปล่อยกู้จากระบบธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นแก่ภาคธุรกิจซึ่งมีมูลค่ารวมเพียง 9 แสนล้านบาท ถือว่ามากกว่าถึงประมาณ 1.8 เท่า แสดงให้เห็นว่าภาคธุรกิจเห็นความสำคัญและใช้ประโยชน์จากตลาดทุน
ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ความเห็นด้วยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการบริหารงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยมีโครงสร้างของคณะกรรมการที่เหมาะสม เนื่องจากได้มีการผสมผสานผู้ทรงคุณวุฒิจากทุกภาคส่วนที่มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาดทุนเข้ามาดำรงตำแหน่ง และคณะกรรมการทุกท่านได้ยึดหลักบรรษัทภิบาลในการบริหารและควบคุมดูแลการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างแข็งขัน
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังดำเนินงานโดยคำนึงถึงผลประโยชน์และการคุ้มครองผู้ลงทุน ทั้งด้านของการ ดูแลให้บริษัทจดทะเบียนมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วน ทันเวลา ในด้านการดูแลการซื้อขายหุ้น ได้มีระบบตรวจสอบที่ทันสมัย ได้มาตรฐานสากล ซึ่งที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตรวจสอบการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ เข้าข่ายต้องสงสัยว่ามีการทำราคาอยู่ตลอดเวลาที่มีการซื้อขายแบบ Real time
“หากพิจารณาสถิติในปี 2549 พบว่าจำนวนหุ้นที่เข้าข่ายต้องสงสัยที่มีการทำราคา มีเพียงประมาณร้อยละ 5 เท่านั้นของจำนวนหุ้นทั้งหมด และหากคิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดแล้ว มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 1.5 เท่านั้น จึงถือว่าเป็นส่วนน้อย เมื่อเทียบกับหุ้นทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ” นายปกรณ์กล่าว
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036 / ศรินทร์ลักษณ์ จิตกะวงศ์ โทร. 0-2229 — 2037/
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ