กรุงเทพฯ--26 ก.พ.--IR network
"สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย"บิ๊กบอส CHO ส่งซิกผลงานปี 61 เข้าสู่โหมดเทิร์นอะราวด์ โชว์ Backlog หนากว่า 6.5 พันล้านบาท จ่อรับรู้รายได้ในปีนี้ 2.7 พันลบ. พร้อมเดินหน้าเข้าชิงงานใหม่อีกเพียบ ขณะที่งบปี 60 เริ่มฟื้น กวาดรายได้กว่า 1,595.82 ล้านบาท พุ่ง 49.07% จากช่วงปีก่อน อานิสงส์ยอดขายภายในประเทศเพิ่ม
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO ประกอบธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ สร้างสรรค์ ผลิตตัวถังและติดตั้งระบบวิศวกรรมที่เกี่ยวกับยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมทั้งเป็นผู้ผสานเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบราง และโลจิสติกส์เข้ากับการจัดการอย่างมืออาชีพ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2560 ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1,595.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 525.30 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 49.07% เนื่องจากยอดขายในส่วนของงานในประเทศเพิ่มขึ้น จากกลุ่มสินค้ามาตรฐานจากการขายหัวรถและผลิตตู้บรรทุกสำหรับรถขนส่งและผลิตรถโดยสารขนาดใหญ่ ประกอบกับมีสัดส่วนรายได้จากงานบริการที่เพิ่มขึ้นจากศูนย์บริการซ่อมรถบรรทุกสิบล้อ 24 ชั่วโมง ที่เปิดใหม่ในปี 2560 ขณะเดียวกัน บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิลดลงอยู่ที่ 19.50 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 71.78 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลง 78.64%
นอกจากนี้ มีประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 2/2561 ยังมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทตามแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ตามที่บริษัทได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2561 และให้นำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2561 ในวันที่ 23 เมษายน 2561 เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
"ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2561 มั่นใจว่าจะว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ และกลับมาเทิร์นอะราวด์ เนื่องจากปัจจุบันมีปริมาณงานในมือแล้ว 6,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้กว่า 2,710 ล้านบาท จากงานทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่อีกจำนวนมาก" นายสุรเดช กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นขยายตลาดทั้งในประเทศ อาทิ การขยายฐานลูกค้าด้านการขนส่งตามหัวเมืองใหญ่ๆ การเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชน และต่างประเทศ อาทิ การเจาะตลาดรถลำเลียงอาหาร , เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง และผลิตรถตามออเดอร์ เป็นต้น ไปพร้อมกับการขยายศูนย์บริการซ่อมรถบรรทุก "สิบล้อ 24 ชั่วโมง" ให้ครบ 8 แห่ง ภายใน 3 ปี (พ.ศ. 2561-2563) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของบริษัท รวมไปถึงการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น