กรุงเทพฯ--26 ก.พ.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
'บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย หรือ JKN' ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล โชว์ผลการดำเนินงานปี 2560 เติบโตพุ่ง ทำรายได้รวม 1,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% และมีกำไรสุทธิ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% หลังกระแส
ซีรี่ย์อินเดีย-ฟิลิปปินส์ฮิตติดลมบน ด้านบอร์ดฯ บริหาร ออกวอแรนท์ อายุ 2 ปี จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 วอแรนท์ เพื่อนำไปใช้ซื้อหุ้นสามัญในราคา 15 บาทต่อหุ้น เตรียมชงเข้าสู่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 เม.ย.นี้ ขณะที่แผนปี 61 เตรียมงบ 600-800 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ต่างประเทศแบบ Output Deal เพิ่ม เน้นซีรี่ย์อินเดีย-ฟิลิปปินส์ รับความต้องการจากทีวีดิจิทัลที่สนใจซื้อไปออกอากาศ พร้อมเดินหน้าผลิตคอนเทนต์ที่มีโครงสร้างรูปแบบรายการภายใต้แบรนด์ CNBC เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจ ตั้งเป้าทั้งปีทำรายได้รวมโต 20-25%
คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2560 (มกราคม-ธันวาคม) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการผลักดันการเติบโตของผลประกอบการได้เป็นอย่างดี โดยมีรายได้รวม 1,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 846 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 164 ล้านบาท
ปัจจัยการเติบโตมาจาก JKN สามารถบริหารจัดการด้านลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพื่อผ่านทุกช่องทางการเผยแพร่ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างรายได้สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นช่องทางผ่านสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัล เคเบิ้ลทีวี Video on Demand (VOD) ซึ่งลิขสิทธิ์คอนเทนต์ประเภทซีรี่ย์อินเดียและซีรี่ย์ฟิลิปปินส์ ถือหัวหอกที่สร้างรายได้แก่บริษัทฯ เนื่องจากเนื้อหาของซีรี่ย์ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ชมในประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้สถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัลช่อง 3 ช่อง 8 และไบร์ททีวีช่อง 20สนใจซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่มขึ้น เพื่อนำไปออกอากาศสร้างเรตติ้งให้แก่ทางสถานี
"ปี 2560 เป็นปีที่เรามีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นมาก เนื่องจากสามารถบริหารจัดการลิขสิทธิ์คอนเทนต์ได้เป็นอย่างดีและสามารถสร้างกระแสซีรี่ย์อินเดีย-ฟิลิปปินส์ให้เป็นที่นิยมของผู้ชมชาวไทย ทำให้ช่องทีวีดิจิทัลสนใจทุ่มเม็ดเงินเพื่อซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปออกอากาศเพิ่มขึ้นและผลักดันให้ผลการดำเนินงานของJKN เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง" คุณจักรพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 มีมติออกวอแรนท์เพื่อจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 วอแรนท์ และ 1วอแรนท์จะได้รับสิทธิซื้อหุ้นสามัญจำนวน 1 หุ้น ในราคา 15 บาทต่อหุ้น โดยวอแรนท์มีอายุ 2 ปี ซึ่งจะเริ่มใช้สิทธิวอแรนท์ได้ทุกๆ 6 เดือนตามวันที่กำหนด โดยเตรียมเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติเห็นชอบในวันที่ 25 เมษายนนี้
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JKN กล่าวว่า ส่วนแผนดำเนินงานในปี 2561 จะตอกย้ำจุดแข็งด้านลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่จำหน่ายหลายรายการเป็นสิทธิ์แบบ Output Deal จากเจ้าของสิทธิ์อย่างต่อเนื่องโดยครอบคลุมทั้งรายการประเภทภาพยนตร์ ซี่รีย์ วาไรตี้ สารคดี รายการเพลงและรายการที่เกี่ยวกับเด็ก เพื่อผลักดันให้ JKN เป็นศูนย์รวมความหลากหลายของคอนเทนต์เพื่อตอบสนองความต้องการของสื่อแต่ละช่องได้ดียิ่งขึ้น โดยจะใช้งบลงทุน 600-800 ล้านบาท เพื่อซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่มเติม จากปัจจุบันที่มีลิขิสิทธิ์กว่า 3,500 คอนเทนต์ ที่จะช่วยผลักดันการเติบโตให้แก่ JKN ได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน JKN ยังวางแผนก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ หลังจากที่ได้รับสิทธิ National Broadcasting Company Universal (NBC) เพื่อผลิตคอนเทนต์ภายใต้แบรนด์ Consumer News and Business Channel (CNBC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายการเกี่ยวกับข่าวธุรกิจและการลงทุนที่มีชื่อเสียงของโลก สัญญามีระยะเวลา 10 ปี(2560-2570) ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมบุคลากรเพื่อผลิตคอนเทนต์รายการข่าวให้แก่สถานีข่าวช่อง CNBC Thailand รวมถึงผลิตคอนเทนต์ภายใต้แบรนด์CNBC ที่ได้รับลิขสิทธิ์จาก NBC ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ได้คุณภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล โดยรายการที่ผลิตจะมีโครงสร้างตามรูปแบบของแบรนด์ CNBC และใช้พิธีกรรวมถึงผู้ดำเนินรายการที่เป็นคนไทย ในการผลิตรายการเพื่อออกอากาศในช่อง JKN CNBC เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนสำหรับช่อง JKN CNBC ประมาณ125 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มออกอากาศได้ภายในปี 2562 ทั้งนี้ จากแผนดำเนินงานดังกล่าว บริษัทฯ มั่นใจว่าจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของ JKN ในปี 2561 เติบโตได้ 20-25% ตามเป้าหมาย