กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--
"สยามเจมส์ เฮอริเทจ" พิพิธภัณฑ์อัญมณีไทยเปิดประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับอัญมณีไทยผ่านสื่อผสม และโดมภาพยนตร์ 360 องศาที่ทันสมัย จัดแสดงอัญมณีที่หาดูได้ยากหลากหลายประเภท พร้อมตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ด้านอัญมณีไทย สืบสานมรดกฝีมือช่างไทยสู่คนรุ่นใหม่ เน้นกลยุทธ์เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วยการให้ความรู้ และสร้างแรงบันดาลใจด้านอัญมณี ล่าสุดจัดกิจกรรม หน้ากากมงกุฎเพชร THE MASK SINGER MEET FANS AT SIAMGEMS HERITAGE ร่วมสนุกกับมินิคอนเสิร์ตและลุ้นรับรางวัลพิเศษจากสยามเจมส์ เฮอริเทจ
หลังจากที่ สยามเจมส์ เฮอริเทจ พิพิธภัณฑ์อัญมณีไทยแห่งใหม่ล่าสุดของไทย ได้เปิดให้ผู้ที่สนใจศึกษาเอกลักษณ์และความยิ่งใหญ่ของอัญมณีไทย มาตั้งแต่ วันที่ 24พฤศจิกายน 2559 ได้มีผู้ที่ให้ความสนใจ รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ล้ำค่าในพิพิธภัณฑ์ ผ่านห้องแสดงต่างๆ ที่จัดแสดงอัญมณีและเครื่องประดับหลากหลายประเภท ซึ่งทุกคนที่มาเยี่ยมชม จะได้รับความรู้ด้านความเป็นมาของอัญมณี ประวัติศาสตร์ของอัญมณีของโลก และของไทย พบกับอัญมณีหายากจากที่ต่างๆ ทั่วโลกและอัญมณีที่กำลังอยู่ในความสนใจของคนทั่วโลก อาทิ "พัดพารัดชา" พลอยล้ำค่าบนแหวนหมั้นเจ้าหญิง แห่งราชวงศ์อังกฤษ "นพรัตน์ หรือ นพเก้า" อัญมณีมงคลของไทย "เรด เบริล" พลอยหายากที่สุดในโลก "บิกซ์ไบต์" มรกตสีแดง ที่จัดเป็นอัญมณีหนึ่งใน 5 ที่หายากมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก "สยามเจมส์ เทียร่า" มงกุฎที่ประดับด้วยทับทิมสยามซึ่งหายากและ มีขนาดใหญ่ถึง 21.09 กะรัต และ "อเล็กซานไดรท์" หรือ แซฟไฟร์เจ้าสามสี สามารถเปลี่ยนสี เป็นสีเขียวมรกต และ เป็นสีแดงทับทิม "Emerald by Day, Ruby by Night" รวมถึงการจัดแสดงอัญมณีในกลุ่มต่างๆ ด้วยรูปแบบการนำเสนอมัลติมีเดียเต็มรูปแบบที่นำเสนอด้วยสื่อผสม อินเตอร์แอคทีฟ ทั้งภาพจำลองโฮโลแกรม 3 มิติ และโดมภาพยนตร์ 360 องศาที่ทันสมัยที่สุด
นางสาวปานชนก จิตชินะกุล ผู้จัดการทั่วไปแห่งสยามเจมส์ เฮอริเทจเปิดเผยว่า "สำหรับปี 2561 สยามเจมส์ เฮอริเทจ ภายใต้แนวคิดอัญมณีไม่ใช่เรื่องที่เข้าถึงยาก ได้ตั้งเป้าเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ให้สนใจอัญมณี โดยนอกจากจะเป็นพิพิธภัณฑ์อัญมณีไทย ที่นำเสนอผ่านสื่อผสมที่ทันสมัยแห่งใหม่ของไทยแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านอัญมณีไทย ที่จะสืบสานมรดกฝีมือช่างไทยสู่คนรุ่นใหม่ โดยในปีนี้จะมุ่งเน้นทำการประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสมาเห็นความสวยงามของอัญมณีหายากในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้าได้มีโอกาสสัมผัสและเข้าถึงอัญมณี ซึ่งมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายทั้งด้านประวัติศาสตร์และความรู้ด้านฝีมือช่างไทย ดังนั้นอัญมณีจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่คิด นอกจากนี้ เราพยายามจัดหาหินอัญมณี (gemstone) ใหม่ๆ และอัญมณีที่กำลังอยู่ในความสนใจของคนทั่วโลก มาจัดแสดงอยู่เสมอ เช่น "อัญมณีพัดพารัชชา" พลอยน้ำงามเลอค่า อัญมณีตระกูล คอรันดัม (Corundum) ที่เป็นสีส้มจัดอมชมพู (Orange Pink) โดยล่าสุดเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ด้วยความงดงาม อันเลอค่าของ "พัดพารัดชา" จึงเป็นที่กล่าวขาน เมื่อพลอยชนิดนี้ถูกนำมาใช้ออกแบบเป็นแหวนหมั้นของเจ้าหญิงยูจีนี แห่งราชวงศ์อังกฤษ ที่เพิ่งประกาศหมั้นหมายกับ แจ็ก บรุกส์แบงก์ ที่ประเทศนิการากัว นอกจากนี้ ยังมี เรด เบริล (Red Beryl) พลอยหายากที่สุดในโลก ที่เพิ่งขุดพบเมื่อ 1-2 ปีมานี้ ที่รัฐยูทาห์ประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีขนาดใหญ่สุด ที่มีการขุดพบตอนนี้คือ หนึ่งกะรัต สยามเจมส์ เฮอริเทจ จึงได้ทำการซื้อ เรด เบริล ไซส์ครึ่งกะรัต เพื่อนำมาจัดแสดงให้ชม นอกจากนี้ยังมี บิกซ์ไบต์ (Bixbite) หรือที่เรียกว่า "มรกตสีแดง" เพราะอยู่ในกลุ่มแร่เบริล ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับมรกตมีความโดดเด่นคือเป็นสีแดงเข้ม จัดเป็นอัญมณีหนึ่งใน 5 ที่หายากมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก โดยเม็ดใหญ่ที่สุดในโลกจะมีขนาดประมาณ 1 กะรัต โดยบิกซ์ไบต์ ที่จัดแสดงอยู่ที่สยามเจมส์ เฮอริเทจมีขนาดประมาณครึ่งกะรัต"
"และอีกหนึ่งอัญมณีที่มีความมหัศจรรย์ในการเปลี่ยนสีได้ แปรเปลี่ยนตามมุมมองของแต่ละด้านของพลอย คือ อเล็กซานไดรท์ (Alexandrite) หรือ เจ้าสามสี หรือแซฟไฟร์เจ้าสามสี เจ้าสามสีที่มีคุณภาพดีจะมีมูลค่าสูง โดยจะต้องมีการเปลี่ยนสีอย่างเด่นชัดเมื่อต้องแสงไฟ คือ มีสีสดเข้มเป็นสีเขียวมรกต และ เป็นสีแดงทับทิม "Emerald by Day, Ruby by Night" มีเนื้อใสสะอาด มองไม่เห็นตำหนิด้วยตาเปล่า และผลงานชิ้นเอกของสยามเจมส์ เฮอริเทจ ตื่นตะลึงกับความตระการตาของมงกุฎหนึ่งเดียวในโลก ผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่รังสรรค์โดยช่างฝีมือชั้นยอด นั่นคือ "สยามเจมส์ เทียร่า" เป็นมงกุฎประดับยอดด้วยทับทิมสยาม ขนาดใหญ่ 1 เม็ดประดับตรงกลาง มีน้ำหนักถึง 21.09กะรัต ซึ่งหาได้ยากมากในปัจจุบัน โดยเบื้องหลังกำแพงที่จัดแสดง จะได้เห็น พิพิธภัณฑ์มีชีวิต ที่สามารถเห็นการทำงานของช่างเจียระไนอย่างใกล้ชิด ทั้งหมดนี้ จัดแสดงอยู่ที่ห้องมณีประกาย ซึ่งนอกจากนี้ ยังมีอัญมณีอื่นๆ ที่จัดแสดงให้ชมอยู่ในส่วนจัดแสดงอื่นๆ อีกมากมาย"
"เราพยายามหาอะไรที่หาดูได้ยากมาให้ดู ให้น้องๆ นักศึกษาและผู้ที่สนใจ เมื่ออ่านเจอในหนังสือแล้วอยากเห็นว่า อัญมณีของจริง หน้าตาเป็นแบบไหนจะได้มาเห็นของจริงที่พิพิธภัณฑ์ ถือเป็นการเปิดโอกาสทางด้านการศึกษาของคนไทย ที่ได้เรียนรู้จากสื่อที่ทันสมัย และเห็นจากของจริงที่เราสรรหามาจัดแสดง ทั้งอัญมณีหายากที่ค้นพบใหม่ๆ และอัญมณีที่กำลังอยู่ในความสนใจของ คนทั่วโลก โดยไม่จำเป็นต้องเสาะหาและเดินทางไปดูถึงต่างประเทศ สำหรับพิพิธภัณฑ์อัญมณีไทยแห่งนี้ ไม่ใช่เพียงแต่จะมอบความรู้ด้านอัญมณีไทย แต่ผู้ที่เข้ามาเยือนยังจะได้สัมผัส ถึงความตื่นตาตื่นใจ ความสนุกสนาน และที่สำคัญที่สุด คือ ความภาคภูมิใจ กับเครื่องประดับอัญมณีที่วิจิตร งดงาม จากฝีมือช่างเจียระไนอัญมณีของไทย ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลกว่าปราณีตที่สุดในโลกอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมชิ้นสำคัญของไทยที่เราควรภาคภูมิใจ เช่น อัญมณีนพเก้า เป็นการนำอัญมณีทั้ง 9 ชนิดมาไว้ด้วยกันซึ่งมีความเชื่อว่าจะส่งเสริมดวงตามดาวเคราะห์ทั้งเก้าให้กับผู้สวมใส่ ซึ่งต้องอาศัยฝีมือช่างในการคัดสรรอัญมณีทั้งสีและขนาดที่เหมาะสม มาเจียระไนและจัดวางให้เกิดความสวยงาม ต้องอาศัยความพยายามและความปราณีตบรรจงอย่างมากจึงเป็นที่มาในการเกิดสยามเจมส์เฮอริเทจ พิพิธภัณฑ์อัญมณีไทย จากประสบการณ์และองค์ความรู้ด้านอัญมณีรวมถึงการจำหน่ายเครื่องประดับมานานกว่า 56 ปี จึงอยากสร้างแรงบันดาลใจเพื่อต่อยอดช่วยส่งเสริมและอนุรักษ์องค์ความรู้ ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมชิ้นสำคัญของไทยส่งต่อให้กับคนรุ่นใหม่ ในอนาคต" นางสาวปานชนก กล่าว
ในโอกาสที่ได้เปิดให้บริการมากว่า 1 ปี สยามเจมส์ เฮอริเทจ จึงได้จัดงาน Meet& Greet มินิคอนเสิร์ต หน้ากากมงกุฎเพชร THE MASK SINGER MEET FANS AT SIAMGEMS HERITAGE โดยมีผู้โชคดี 100 คน ที่ได้ร่วมชมมินิคอนเสิร์ตหน้ากากมงกุฎเพชร อย่างใกล้ชิด และได้มาร่วมท่องเที่ยวไปในดินแดนแห่งอัญมณี สยามเจมส์ เฮอริเทจพิพิธภัณฑ์อัญมณีไทย เปิดโอกาสให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เข้ามาสัมผัสถึง ความงาม งานศิลป์ ที่สร้างสรรค์โดยภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยที่ทำให้ทั่วโลกยอมรับ รวมถึงการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ที่ทำให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายในเรื่องของอัญมณี เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจและสร้างความให้แก่ผู้เข้าชม อีกทั้งยังได้สนุกสนานกับกิจกรรมเล่นเกมส์ชิงรางวัล รับบัตรส่วนลดในการซื้อเครื่องประดับ พร้อมกระทบไหล่ เจเจ กฤษณภูมิ และ โอปอล์ ปาณิสรา สำหรับผู้พลาดโอกาสจาก 100 คน ก็ได้มีสิทธิ์ร่วมลุ้นเป็นเจ้าของเครื่องประดับ จี้ทับทิมแท้ จำนวน 1 รางวัล จาก สยามเจมส์ เฮอริเทจ
สยามเจมส์ เฮอริเทจ พิพิธภัณฑ์อัญมณีไทยแห่งใหม่ล่าสุดในประเทศไทย เปิดให้เข้าชมเวลาทำการตั้งแต่ 12.00 น.- 17.00 น. (รอบสุดท้ายเข้าชมเวลา 16.00น.) อัตราค่าเข้าชม คนไทยราคา 200 บาท เด็กความสูงตั้งแต่ 90-135 ซม. ราคา 100 บาท ผู้ใหญ่อายุ 60 ปีขึ้นไปและเด็กสูงไม่เกิน 90 ซม. ไม่เสียค่าใช้จ่าย
พิเศษสุด! สำหรับสถาบันการศึกษาที่สนใจจัดกลุ่มทัศนศึกษาเพื่อเข้าชม โดยทำหนังสือแจ้งความประสงค์ในการ ขอเข้าชมพร้อมรายละเอียดล่วงหน้า สยามเจมส์ เฮอริเทจ พิพิธภัณฑ์อัญมณีไทยแห่งใหม่ล่าสุดในประเทศไทย มีความยินดีที่จะ เปิดให้เข้าชมได้ฟรี ติดตามข้อมูลกิจกรรมได้ที่ Facebook : SIAMGEMS HERITAGE หรือโทร 02 949 9500 #0
เกี่ยวกับ สยามเจมส์ เฮอริเทจ พิพิธภัณฑ์อัญมณีไทย
เอกลักษณ์และความยิ่งใหญ่ของ สยามเจมส์ เฮอริเทจ สามารถสัมผัสได้ตั้งแต่จุดต้อนรับ ที่ทุกคนได้พบกับ ประติมากรรมช้างทองคำพ่อลูก (คุณทับทิม และพลายน้อย) รูปทรงงามสง่า หุ้มด้วยทองคำ 99.99% ประดับด้วยนพรัตน์ต่างๆ มากมายบนเครื่องทรง เป็นช้างทรงเครื่องสมัยอยุธยาตอนต้นซึ่งเป็นศิลปะเครื่องทองโบราณตามแบบกรุวัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ห้องจัดแสดงที่น่าสนใจ ประกอบด้วย
- สยามเจมส์ เสฟียร์ (SIAMGEMS Sphere)
โดมภาพยนตร์แบบ 360 องศา ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 เมตร ที่จัดแสดงภาพยนตร์เรื่อง "กำเนิดอัญมณี" ร่วมเดินทางสู่โลกของอัญมณีผ่านมิติของธรรมชาติและกาลเวลา ตื่นตากับประสบการณ์การกำเนิดอัญมณี ผ่านแสงสีเสียงรอบทิศทาง ด้วยเทคนิคระดับโลก ให้คุณรู้สึกดื่มด่ำเสมือนเข้าไปอยู่ร่วมในเรื่องราวสุดตระการตาอย่างแท้จริง
- ห้องมณีนิรันดร์
ให้ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์เครื่องประดับของโลก จัดแสดงอัญมณีจำลองจาก ทั่วโลก เรียนรู้ประวัติศาสตร์อัญมณีอันทรงคุณค่าทั่วโลกนับแต่เบื้องบรรพกาล จากยุคลูกปัด มนุษย์ริเริ่มนำวัสดุธรรมชาติมาประดิษฐ์เป็นเครื่องประดับ ยุคสำริด ที่มนุษย์เริ่มหลอมโลหะเป็นครั้งแรก ยุคทองคำ เมืองไทยโดดเด่นจนได้รับสมญานามว่า สุวรรณภูมิ ยุครัตนชาติ ที่มนุษย์นำพลอยสีมาขัดจนเกิดเหลี่ยมมุมงดงาม สู่ ยุควิจิตรบรรจง ที่เทคโนโลยีการเจียระไนได้ถือกำเนิดขึ้น สร้างประกายเจิดจรัสให้กับอัญมณีในแบบที่ไม่เคยเป็นมา ทุกรายละเอียดแสดงให้เห็นประจักษ์ถึงมรดกทางภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น หลอมรวมเป็นอัตลักษณ์ของชาติที่งดงาม
- ห้องมณีประกาย
จัดแสดงและให้ความรู้เรื่องการเจียระไนอัญมณีในแบบต่างๆ รูปร่างของอัญมณีแต่ละชนิด ด้วยภาพจำลองโฮโลแกรม 3 มิติ รวมถึงการจัดแสดงอัญมณีในกลุ่มต่างๆ และกลุ่มอัญมณีหายาก อาทิ ทับทิม ไพลิน บุษราคัม มรกต อความารีน และ บิกซ์ไบต์ (Bixbite) อัญมณีหายาก หรือที่เรียกว่า "มรกตสีแดง" เพราะอยู่ในกลุ่มแร่เบริล ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับมรกต มีความโดดเด่นคือเป็นสีแดงเข้ม จัดเป็นอัญมณีหนึ่งใน 5 ที่หายากมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก โดยเม็ดใหญ่ที่สุดในโลกจะมีขนาดประมาณ 1 กะรัต โดยบิกซ์ไบต์ ที่จัดแสดงอยู่ที่สยามเจมส์ เฮอริเทจมีขนาดประมาณ ครึ่งกะรัต
นอกจากนี้ยังมี อัญมณีที่กำลังอยู่ในความสนใจของคนทั่วโลก นั่นคือ"อัณมณีพัดพารัชชา(Padparadscha หรือ Padparadshah)" พลอยน้ำงามเลอค่า แหวนหมั้นของเจ้าหญิง ยูจินี แห่งราชวงศ์อังกฤษ อัญมณีตระกูลคอรันดัม(Corundum) ที่เป็นสีส้มจัดอมชมพู (Orange Pink) ที่ถูกนำมาใช้ออกแบบเป็นแหวนหมั้นของเจ้าหญิงยูจีนี แห่งราชวงศ์อังกฤษ ที่เพิ่งประกาศหมั้นหมายไปกับแจ็ก บรุกส์แบงก์ แฟนหนุ่มที่ประเทศนิการากัว เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา คำว่า "พัดพารัดชา" มีที่มาจากภาษาสิงหล เป็นคำที่ผสมระหว่างคำว่า "ปัทมะ" หรือ "ปัทมา"มีความหมายว่าดอกบัวสีชมพูอมส้ม และคำว่า "ราชา" หรือ "ราจา" ที่แปลว่า สี ความหมายของคำว่า "พัดพารัดชา" จึงมีที่มาจากคำว่า "ปัทมราช" หรือ "ปัทมราชา" ที่หมายถึง สีของกลีบดอกบัวชมพูอมส้ม ซึ่งสีของ "พัดพารัดชา" ที่สมบูรณ์จะต้องเป็นการผสมผสานระหว่างสีชมพูและสีส้มที่มีความลงตัวอย่างพอดี ไม่มีน้ำหนักลงไปในสีใดสีหนึ่งที่เด่นชัดมากจนเกินไป ด้วยความสวยงามแปลกตาและพบได้ยาก ทำให้ "พัดพารัดชา" ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และมักจะถูกนำมาจัดโชว์รวมถึงนำมาจัดประมูลในรายการประมูลระดับโลกหลายครั้ง ทั้งในแวดวงการค้าพลอยสี นักสะสม สังคมชั้นสูง ตลอดจนผู้ที่มีรสนิยมและความชื่นชอบในอัญมณีเครื่องประดับทั่วโลก
"อเล็กซานไดรท์ (Alexandrite)" หรือ เจ้าสามสี หรือ แซฟไฟร์เจ้าสามสี (Alexandrite - like Sapphire) เป็นอัญมณี ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้พบเห็นอันเนื่องมาจากความมหัศจรรย์ในการเปลี่ยนสีได้แปรเปลี่ยนตามมุมมองของแต่ละด้านของพลอย นอกจากนี้ยังแสดงการเปลี่ยนแปลงของสีที่มีแหล่งกาเนิดของแสงที่ตกกระทบต่างกัน โดยหากได้รับแสงจากหลอดไฟสีขาวหรือหลอดฟลูออเรสเซ้นท์แสงสีขาวอมฟ้า สีของพลอยที่เห็นจะเป็นสีเขียว สีเขียวอมน้าตาล หรืออมน้าเงิน คล้ายสีของมรกต (Emerald) แต่หากได้รับแสงจากหลอดไฟมีไส้ที่ให้แสงสีส้ม จะเห็นอัญมณีเจ้าสามสีเป็นสีแดง "Emerald by Day, Ruby by Night" เจ้าสามสีที่มีคุณภาพดี จะมีมูลค่าสูง โดยจะต้องมีการเปลี่ยนสีอย่างเด่นชัดเมื่อต้องแสงไฟ คือมีสีสดเข้มเป็นสีเขียวมรกต และ เป็นสีแดงทับทิม มีเนื้อใสสะอาด มองไม่เห็นตาหนิทั้งภายในและภายนอกด้วยตาเปล่า
ภายในห้องมณีประกาย ยังมีการจัดแสดงอัญมณีที่หายาก อื่นๆ ซึ่งสามารถสัมผัสเบื้องหลังความละเมียดวิจิตรของอัญมณี ในทุกเหลี่ยมมุม ผ่านศิลปะการเจียระไนของช่างไทย ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ด้านองค์ความรู้และความพิถีพิถัน ทั้งนี้การเนรมิตประกายให้อัญมณีทำได้หลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเหลี่ยมเกสร เหลี่ยมมรกต เหลี่ยมกุหลาบ และหลังเบี้ย รวมไปถึงการเจียระไนตามรูปทรงดั้งเดิมของอัญมณี ได้แก่ ทรงกลม ทรงหัวใจ ทรงเม็ดแตง ทรงผืนผ้าตัดมุม และทรงหยดน้ำ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยความชำนาญของช่างให้หินสีแต่ละก้อนกลายเป็นอัญมณีเลอค่า สวยระยิบตาอย่างมีเอกลักษณ์
- ห้องมณีมงคล
จัดแสดงอัญมณีที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อของคนไทย 9 ชนิด หรือ นพเก้า ซึ่งคนไทยมีความเชื่อมาแต่โบราณกาลว่า อัญมณี 9 ชนิด ซึ่งประกอบไปด้วยทับทิม มุกดา เพทาย มรกต บุษราคัม เพชร ไพลิน โกเมน และไพฑูรย์ ที่เรียกว่า "นพรัตน์" นั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ของดาวนพเคราะห์ เป็นของมีค่าสูง มีคุณค่าทางจิตใจ หากผู้ใดได้ครอบครองจะเป็นสิริมงคลอย่างสูงสุด ดังปรากฏการใช้ทั้งในด้านศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์
- ห้องปัทมราณี
จัดแสดงผลงานชิ้นเอกของ สยามเจมส์ เฮอริเทจ ตื่นตะลึงกับความตระการตาของมงกุฎหนึ่งเดียวในโลก ผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่รังสรรค์โดยช่างฝีมือชั้นยอด นั่นคือ"สยามเจมส์ เทียร่า" เป็นมงกุฎประดับยอดด้วยทับทิมสยาม ขนาดใหญ่ 1 เม็ดประดับตรงกลาง มีน้ำหนักถึง 21.09 กะรัต ซึ่งหาได้ยากมากในปัจจุบัน และทับทิมสยาม เม็ดเล็ก 24 เม็ด น้ำหนักรวม 25.58 กะรัต อันถือเป็น ราชาแห่งอัญมณีทั้งปวง ตัวเรือนเป็นทองคำขาว ประดับด้วยทับทิมสยามและเพชรมาคีย์ 1 เม็ด น้ำหนัก 0.32 กะรัต และเพชรกลม 1,946 เม็ด น้ำหนักรวม 187.79 กะรัต โดยเบื้องหลังกำแพงที่จัดแสดงมงกุฎหนึ่งเดียวในโลก "สยามเจมส์ เทียร่า" จะได้เห็น พิพิธภัณฑ์มีชีวิต ที่สามารถเห็นการทำงานของช่างเจียระไนอย่างใกล้ชิด
- ห้องมณีวิทยา
จัดแสดงนิทรรศการที่ให้ความรู้อย่างกระชับ ในเรื่องการออกแบบการขึ้นตัวเรือนของเครื่องประดับ ซึ่งการผลิตเครื่องประดับเป็นศาสตร์งานศิลป์ชั้นสูงแขนงหนึ่ง ที่ต้องใช้ "ช่างฝีมือ" หรือ "ศิลปิน" ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการประดิษฐ์ประดอยประกอบจนกลายเป็นเครื่องประดับที่วิจิตรบรรจง โดยบอกถึงขั้นตอนการผลิต เริ่มต้นจากการออกแบบ ซึ่งมีทั้งการออกแบบด้วยมือและคอมพิวเตอร์ การเจียระไนรูปแบบต่างๆ การขึ้นรูปตัวเรือน และการฝังอัญมณี รวมถึง จัดแสดงอุปกรณ์ และเครื่องมือที่ใช้ในแต่ละขั้นตอนการทำงาน และยิ่งไปกว่านั้นคือ ทุกคนยังได้ลองออกแบบอัญมณี บนจอทัชสกรีนด้วยตัวเองผ่านโปรแกรมพิเศษอีกด้วย