กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
ก่อนขยายผลให้เกษตรกรในพื้นที่นำไปใช้ประโยชน์ ชี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืช ลดต้นทุนและสร้างรายได้ที่ยั่งยืน
นางสาวอัญชนา แก้วชื่น ผู้อำนวยการศูนย์สาธิตสหกรณ์โครงการหุบกะพง จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ร่วมกับ Israel's Agency for international Development Cooperative (MASHAV) หรือศูนย์ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของอิสราเอล โดยนายกิล ฮาสเกล รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอล ผู้อำนวยการศูนย์ MASHAV พร้อมด้วย ดร.เมเอียร์ ชโลโม เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย และคณะ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานภายในพื้นที่โครงการพระราชประสงค์หุบกะพง ณ ศูนย์สาธิตสหกรณ์โครงการหุบกะพง อ.ชะอำ จ. เพชรบุรี
หมู่บ้านสหกรณ์หุบกะพง เป็นโครงการตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดหาที่ดินให้แก่เกษตรกรที่ขาดแคลนที่ดินทำกินได้เข้าอยู่อาศัยและทำการเกษตร ตั้งแต่ปี 2507 ต่อมาได้มีพระราชดำริให้นำวิธีการสหกรณ์มาใช้ในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่และส่งเสริมอาชีพให้กับชาวบ้านหุบกะพง และต่อมาได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งสหกรณ์การเกษตร ชื่อว่า "สหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จำกัด"
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2514 เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยในขณะนั้น ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและต้องการเข้ามาช่วยพัฒนาการเกษตร การบริหารจัดการน้ำ และเทคโนโลยีการเกษตรในพื้นที่แห้งแล้งให้กับพื้นที่หุบกะพง โดยได้ส่งผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ เข้ามาให้ความรู้ จนนำไปสู่การลงนามสัญญาความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลอิสราเอล ในการดำเนินโครงการไทย-อิสราเอล เพื่อพัฒนาชนบท(หุบกะพง) ระหว่างปีพ.ศ. 2509 – พ.ศ. 2514 ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและอิสราเอลมีความใกล้ชิดและแน่นแฟ้นเสมอมา ต่อมาปี พ.ศ. 2550 เนื่องวโรกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ทางสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยได้ร่วมเฉลิมฉลองโดยมอบต้นทับทิม รวม 120 ต้น เพื่อนำมาปลูกในพื้นที่ศูนย์สาธิตสหกรณ์โครงการหุบกะพง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพอันดีระหว่างไทยและอิสราเอล
ผู้อำนวยการศูนย์สาธิตสหกรณ์โครงการหุบกะพง กล่าวว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ดร.เมเอียร์ ชโลโม เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย พร้อมคณะ ได้เดินทางเยี่ยมชมและติดตามการดำเนินงานในพื้นที่โครงการภายในศูนย์สาธิตสหกรณ์หุบกะพง และมีความประสงค์ที่จะสนับสนุนเทคโนโลยีการเกษตร ในด้านการปลูกพืชในโรงเรือน (Green House) เพื่อเป็นพื้นที่ศึกษาและทดลองก่อนขยายผลสู่สมาชิกเกษตรกรในพื้นที่ และขยายผลไปยังประชาชนทั่วประเทศต่อไป ทั้งนี้ การปลูกพืชในโรงเรือน จะสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมภายในโรงเรือน ป้องกันแมลงศัตรูพืชได้ง่าย ส่งผลดีต่อการงดใช้ยาฆ่าแมลง ซึ่งทำให้ปลอดสารตกค้างและโรคในผลผลิต อีกทั้งยังช่วยให้เกษตรกรสามารถผลิตพืชได้ทั้งปี เพราะสามารถควบคุมปัจจัยในการเจริญเติบโตของพืชได้ ซึ่งโรงเรือนปลูกพืช จะติดตั้งระบบน้ำหยดและการกระจายน้ำที่จะช่วยทำให้การปลูกพืชและการทำการเกษตรนั้นมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตได้อย่างดี