กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--บีโอไอ
บีโอไอเร่งขยายตลาดใหม่รับนโยบายผลักดันไปลงทุนต่างประเทศ เตรียมนำทัพเอกชนบุก “ซูดาน” ร่วมลงทุนธุรกิจก่อสร้าง อาหารแปรรูป และอุปโภค-บริโภค รับภาวะเศรษฐกิจประเทศเริ่มโตอย่างต่อเนื่อง คาดจีดีพีปีหน้าพุ่ง 13% ชี้โอกาสสุดท้ายผู้ประกอบการเร่งตัดสินใจหวั่นจีน อินเดีย มาเลเซีย รุกหนักปิดช่องทางลงทุนเอกชนไทย
นายวิทยา ไพรสุวรรณ ที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการสัมมนา “เปิดโลกทัศน์การลงทุนในสาธารณรัฐซูดาน” ว่า บีโอไอกำลังผลักดันนโยบายสนับสนุนให้นักลงทุนไทยไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในตลาดใหม่ในทวีปแอฟริกา เช่น ซูดาน เคนยา ไนจีเรีย เป็นต้น
“ เร็วๆ นี้ บีโอไอจะนำนักลงทุนไทย เดินทางไปศึกษาลู่ทางการลงทุนในประเทศซูดาน หลังจากที่ซูดานเริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น เนื่องจากมีความพร้อมด้านทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก เช่น น้ำมัน ก๊าชธรรมชาติ ทองคำ เหล็ก ในขณะเดียวกันก็ยังมีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่สำคัญ ๆ ถึง 4 แห่ง เพื่อสร้างแรงจูงใจในการเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างจริงจัง โดยผู้ประกอบการในพื้นที่ดังกล่าวจะได้รับสิทธิประโยชน์ สูงสุด เช่น ยกเว้นภาษีเงินได้ 15 ปี ยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร และ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับแรงงานในพื้นที่ ” นายวิทยากล่าว
สำหรับอุตสาหกรรมที่ประเทศซูดานต้องการการลงทุนจากต่างชาติ มีทั้งอุตสาหกรรมก่อสร้าง อาหารแปรรูป และสินค้าอุปโภค-บริโภค รวมทั้งอุตสาหกรรมบริการ เช่น โรงแรมและสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพในการแข่งขัน และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถเข้าไปลงทุนได้
นายวิทยากล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ขณะนี้ ซูดานอยู่ในช่วงกำลังเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศอย่างเต็มที่ แต่โอกาสอันดีอย่างนี้จะเปิดอยู่ไม่นาน ดังนั้น นักลงทุนไทยควรจะต้องเริ่มหาช่องทางเข้าไปลงทุนในทันที เพราะหากล่าช้าอาจทำให้นักลงทุนจากประเทศอื่นๆ เข้าไปลงทุนจนไม่เหลือช่องว่างให้กับนักลงทุนไทยมากนัก โดยปัจจุบันมีต่างประเทศที่เข้าไปลงทุนในซูดานแล้ว อาทิ อินเดีย จีน หรือแม้แต่มาเลเซียที่เข้าไปดำเนินกิจการที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและก๊าชธรรมชาติ
ด้านนายนภดล เทพพิทักษ์ เอกอัคคราชทูตไทยประจำกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ซึ่งดูแลเขตอาณาประเทศสาธารณรัฐซูดาน กล่าวว่า ซูดานเป็นประเทศที่น่าสนใจสำหรับการเข้าไปลงทุน มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของทวีปแอฟริกา มีทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำมัน และก๊าชธรรมชาติที่เริ่มมีการส่งออกไปต่างประเทศมากขึ้น จนทำให้มีแนวโน้มของการเติบโตทางเศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในปี 2551 นี้ จะมีอัตราจีดีพีอยู่ที่ประมาณ 13% จากปัจจุบันจีดีพีอยู่ที่ประมาณ 8-10% เท่านั้น
การเติบโตทางเศรษฐกิจดังกล่าวจึงส่งผลให้ซูดานมีความต้องการการพัฒนาด้านต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมามีเอกชนไทยเข้าไปลงทุนในซูดานน้อยมากจากทั้งปัญหาการเมือง ภูมิประเทศ และภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้นักลงทุนสูญเสียโอกาสในการธุรกิจไปอย่างน่าเสียดาย
“ขณะนี้มีสัญญาณที่ดี ทั้งเรื่องความชัดเจนทางการเมืองของซูดาน และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับนักลงทุนไทยที่ควรจะหาทางเข้าไปลงทุนในซูดาน และจากบุคลิกของชาวซูดาน ก็มีความน่ารักเหมือนกับคนไทย ประกอบกับความสัมพันธ์ที่ดีของทั้ง 2 ประเทศที่มีมานาน น่าจะช่วยให้การลงทุนของธุรกิจไทยได้รับการตอบรับที่ดีจากซูดานอย่างแน่นอน” นายนภดล กล่าว